เอริก เทน ฮาก ผจก.ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เปลือยใจว่าเครียดไปกับการโดนคาดหวังจากเหล่า เร้ด อาร์มี่ ต้องการเห็นนำทัพคว้าชัยทุกเกมโดยไม่ดูโลกความจริงว่าศักยภาพขุมกำลังมันถึงหรือเปล่า พร้อมท้าบรรดากูรูที่ชอบวิจารณ์เขาเพื่อให้ตัวเองดูเท่ลองสลับตำแหน่งกันดูไหม
เทน ฮาก เจอกระแสกดดันอย่างหนักก่อนนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ พบ แมนฯ ซิตี้ (25 พ.ค.) ถึงขั้นว่ามีข่าวต้องถูกปลดแบบบอร์ดไม่แคร์ผลการแข่งขันที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
นั่นทำให้กุนซือวัย 53 ปีไประบายความอัดอั้นผ่านสื่อฯบ้านเกิดถึงกองเชียร์ ยูไนเต็ด ที่ยังติดกับดักความสำเร็จในอดีต รวมถึงนักวิจารณ์เมืองผู้ดีที่ปากแจ๋วทั้งนั้น อยากเห็นเหมือนกันจะเก่งแค่ไหนเมื่อลงเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนบ้าง
“แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ลีกหนล่าสุดเมื่อปี 2013 ก็ผ่านมาตั้ง 11 ปีที่แล้ว” การเปิดปากผ่าน ‘ฟุตบอล อินเตอร์เนชั่นแนล’
“แต่พวกแฟนบอลยังคาดหวังให้เราเอาชนะทุกเกมที่เตะในการแข่งระดับสูง”
https://x.com/VI_nl/status/1794277429416284173
“อยากบอกว่าสโมสรยังไม่พร้อมทำแบบนั้น”
“เราตั้งใจจะเริ่มสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมา แล้วปีก่อนคือก้าวแรก แต่จากนั้นคุณจะได้พบว่าสโมสรแห่งนี้มันยิ่งใหญ่แค่ไหน และไม่เคยมีใครพอใจในสิ่งที่เป็น”
“ต่อให้บุคลากรในสโมสรจะพอใจ แต่ก็มักมีเสียงจากภายนอกสโมสรแซะว่าผมแค่ได้แชมป์ คาราบาว คัพ, แพ้นัดชิงฯ เอฟเอ คัพ และจบเพียงลำดับ 3 (ซีซั่นก่อน)”
“ส่วนฤดูกาล 2023-24 ผมขอพูดให้ชัด มันโคตรบ้าบอ มันห่วยแตก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่เผชิญอย่างน้อยเราเข้าชิงฯ เอฟเอ คัพ”
“พวกนักวิจารณ์ในอังกฤษก็อยากทำคะแนนให้ตัวเอง พวกเขาอยากแสดงให้เห็นว่าทำงานคุ้มค่าจ้าง แล้วทีม แมนฯยูไนเต็ด ก็เป็นเหยื่ออันโอชะ”
“เราคือทีมที่ยิ่งใหญ่สุดของอังกฤษ และอาจเป็นของโลกก็ได้ เป็นทีมที่หากคุณไม่รักก็เกลียดเลย ไม่มีรู้สึกเฉยๆด้วย”
“ดังนั้นเมื่ออะไรๆมันแย่ พวกเขาก็จะเริ่มหยิบเป็นประเด็นถกเถียง สร้างเป็นเรื่องใหญ่โต เรื่องเชิงลบทั้งหมดทั้งมวล จากคนที่คุณเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ ทว่ากลับไม่มีขีดความสามารถในการวิเคราะห์เรื่องต่างๆบนพื้นฐานความจริง”
“อยากลากใครมาแขวนก็ทำเพื่อให้พวกเขาดูดีกว่า”
“แล้วเชื่อไหมไอ้คนที่สับผมเละคือคนเดียวกับที่ตบไหล่แสดงความชื่นชมเมื่อปีก่อน”
“ฤดูกาลที่แล้วผมถูกเชิดชูอย่างเป็นเทพเดินบนน้ำได้ มาปีนี้ผมกลายเป็นผจก.ทีมที่แย่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ”
รูปแบบการให้สัมภาษณ์ของ เทน ฮาก เหมือนคนธาตุไฟเข้าแทรกส่งสัญญาณว่ามีโอกาสถูกปลดไม่ช้าก็เร็วจากนี้ คล้ายกรณีของคนก่อนๆอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หรือ โชเซ่ มูรินโญ่
