คมเพชร เปลี่ยนแผนใหม่บด ก้องชัย

คมเพชร ศิษย์สารวัตรเสือ เตรียมแผนใหม่หมดจดมาย้ำชัยคู่ปรับเก่า ก้องชัย ไฉนดอนเมือง ในศึก ONE ลุมพินี 114 วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.นี้
6 ไฟต์แรกของ คมเพชร บนเวที ONE ลุมพินี จัดว่าฟอร์มร้อนแรง แพ้เพียงครั้งเดียวให้กับ พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก 2 กติกา รุ่นสตรอว์เวตคนปัจจุบัน ในไฟต์เปิดตัวศึก ONE ลุมพินี นัดปฐมฤกษ์ เมื่อเดือน ม.ค.66 ก่อนจะเดินหน้ากวาดชัย 5 ไฟต์ติดอย่างสวยงาม
อย่างไรก็ตาม ใน 3 ไฟต์หลังสุด คมเพชร กลับฟอร์มสะดุด พ่ายให้กับ ชาติพยัคฆ์ ศักดิ์สตูล ทั้ง 2 ครั้งที่เจอกัน โดยภาคแรก เขาถูกหมัดซัดร่วง โดนนับแปดตั้งแต่ยกแรก ก่อนจะแพ้คะแนนแบบเสียงข้างมาก ในศึก ONE ลุมพินี 86 เมื่อเดือน พ.ย.67
ส่วนภาคล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 104 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เขาโดนความหนักและความแม่นของ ชาติพยัคฆ์ เล่นงานจนพ่ายน็อกตั้งแต่ต้นยกสอง ความพ่ายแพ้ในไฟต์นั้นทำให้เขาถูกกระแสวิจารณ์จากแฟนมวยอย่างหนัก แต่กลับกลายเป็นเชื้อไฟที่ช่วยให้เขามีแรงฮึดในการพัฒนาตัวเองขึ้นอีกขั้น
คมเพชร เปิดใจว่า “ไฟต์ล่าสุดที่รีแมตช์กับ ชาติพยัคฆ์ ผมซ้อมมาดี ร่างกายพร้อม แต่ดันไปโดนอาวุธเข้าเป้าเต็ม ๆ จนสติหลุด พอฟื้นไม่ทันก็โดนซ้ำ กรรมการเลยจับแพ้ ทั้งที่เกมยังไม่ได้เปิด ต่างคนยังออกอาวุธไม่มาก แต่ผมพลาดเอง”
“ผมคาดหวังกับการชกใน ONE มาก ตั้งใจเต็มที่ แต่สุดท้ายกลับโดนน็อก เลยรู้สึกผิดหวังครับ บางคนไม่เชื่อมั่นในตัวผม บางคนบอกว่าผมไม่เหมาะกับมวย 3 ยก นวมเล็ก ผมเสียใจนะครับ แต่ได้กำลังใจจากหลายคนที่บอกให้ลุกขึ้นสู้ ผมเลยรู้สึกดีขึ้น และยังเชื่อมั่นว่าผมชกในเวทีแห่งนี้ได้แน่นอน ผมไม่ยอมแพ้ครับ”
ไฟต์นี้ คมเพชร ย้ายกลับไปซ้อมที่ค่ายศิษย์สารวัตรเสือ จังหวัดสมุทรปราการ สถานที่คุ้นเคย โดยพร้อมลงศึกรีแมตช์ภาคสามกับ ก้องชัย คู่ปรับเก่าจากบุรีรัมย์ ที่เคยเจอกันมาแล้ว 2 ครั้งในรายการนี้
ภาคแรก ทั้งคู่ดวลกันในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 32 เมื่อเดือน ก.ย.66 ก่อนจะพบกันอีกครั้งในศึก ONE ลุมพินี 58 ไฟต์ใหญ่ประจำไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่ง คมเพชร เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ทั้งสองครั้งผลงานปีนี้ของ ก้องชัย แม้จะแพ้ 2 จาก 3 ไฟต์หลังสุด แต่ล่าสุดกลับมาโชว์ฟอร์มแจ่ม ด้วยการน็อก โชคปรีชา พีเค.แสนชัย ตั้งแต่ต้นยกสอง ในศึก ONE ลุมพินี 108 เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา
คมเพชร ที่เคยชนะมาแล้ว 2 ครั้งจะรู้ดีว่าไฟต์นี้ไม่ง่าย เพราะฟอร์มของทั้งคู่กำลังสวนทางกัน แต่เจ้าตัวยังมั่นใจว่าตนมีข้ได้เปรียบหลายจุด และนี่คือโอกาสสำคัญที่จะย้ำแค้นเป็นครั้งที่ 3 ให้ได้
“สองภาคแรกกับ ก้องชัย ถือว่าสนุกและตื่นเต้นมากครับ ทั้งสองไฟต์ที่ชนะมาขึ้นอยู่กับจังหวะและแผนการชก ไฟต์แรกเขาน่าจะถอยช่วงปลายยก ส่วนไฟต์สองเขาเน้นเล่นจังหวะตั้งแต่ต้น พยายามชิงจังหวะแข่งกับผม แต่สุดท้ายเขาสู้ไม่ได้ เพราะผมตุนคะแนนไว้ตั้งแต่ยกแรกและยกสองแล้ว”
“จุดแข็งของ ก้องชัย คือใจสู้ แข้งซ้ายหนัก และเดินออกอาวุธได้ตลอด 3 ยก แบบไม่มีหมดแรง ส่วนผมคิดว่าความเร็วในการออกอาวุธน่าจะเป็นจุดที่ผมเหนือกว่า แต่ในช่วงหลังมานี้ ต้องขอชื่นชมเขาที่พัฒนาขึ้นมากกว่าสองไฟต์แรกที่เจอกัน”