"บัมปารา" หวังสยบ "ชาโด้" ชิงบัลลังก์ "ตะวันฉาย"

แม้จะเปิดตัวใน ONE ด้วยความพ่ายแพ้ บัมปารา สามารถโชว์ฟอร์มร้อนแรงปิดเกมคู่แข่งแบบไม่ครบยกในอีก 2 ไฟต่ ต่อมา ซึ่งล้วนแต่เป็นนักสู้ระดับหัวกะทิของรุ่นทั้งสิ้น เริ่มจากในศึก ONE Fight Night 23 เมื่อเดือน ก.ค. 67 ที่เขาเอาชนะทีเคโอ ลุค ลิสซีย์ อดีตมือวางอันดับ 5 จากสหรัฐอเมริกา อย่างเหนือชั้น และทะลุแรงกิงขึ้นมานั่งแทนที่

ต่อด้วยผลงานล่าสุดเมื่อต้นปีในศึก ONE 170 บัมปารา ใช้เวลาเพียง 2 นาทีเศษ ระดมอาวุธหนักใส่ โจ ณัฐวุฒิ มือวางอันดับ 2 ในขณะนั้นจนโดนถึง 3 นับ ก่อนกรรมการสั่งยุติการชก ส่งผลให้เขาคว้าชัยทีเคโอตั้งแต่ยกแรก พร้อมทะยานจากอันดับ 5 ขึ้นมารั้งเบอร์ 2 ของแรงกิงในปัจจุบัน

ศึกครั้งนี้ บัมปารา ขึ้นสังเวียนด้วยเป้าหมายสำคัญคือการรั้งอันดับ 2 ของตัวเองเอาไว้ให้ได้เพื่อรักษาสิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์คนต่อไป แต่เส้นทางไม่ง่ายเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับ ชาโด้ มือวางอันดับ 3 ของรุ่น เจ้าของผลงานเยี่ยมคว้าชัยมาแล้ว 5 ไฟต์ในรายการของ ONE และมาพร้อมแรงผลักดันที่จะไต่เต้าขึ้นไปถึงบัลลังก์แชมป์ในอนาคต

แม้ บัมปารา จะยอมรับในความแข็งแกร่งของนักชกชาวไไทย แต่เขามองเห็นจุดอ่อนสำคัญและตั้งใจวางแผนมาเล่นงานให้อยู่หมัด โดยเชื่อมั่นว่าจะเอาชนะ ชาโด้ ได้อย่างแน่นอน

“ชาโด้ เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งมาก ออกแข้งออกหมัดได้ดี แถมมีพละกำลังมาก พร้อมเดินบวกและใช้ฝีมือไปพร้อมกัน การที่เขาขึ้นมาติดแรงกิงอันดับ 3 ของรุ่นนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ธรรมดา ทุกคนในรุ่นเก่งหมดครับ น่าจะเป็นไฟต์ที่โหดแน่ ๆ

แต่ผมก็ซ้อมมาอย่างหนักโดยปรับสไตล์การชกให้เข้ากับคู่ต่อสู้ ทุกคนต่างมีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบของตัวเอง แน่นอนว่าเขาจะพยายามหาจุดอ่อนของผม ขณะเดียวกัน ผมก็เห็นจุดอ่อนของเขาเหมือนกัน แต่ผมขอไม่บอก เก็บเป็นความลับสุดยอด ผมมั่นใจว่าผมสามารถเอาชนะเขาได้แน่นอน”

เป้าหมายสูงสุดของ บัมปารา คือการก้าวขึ้นไปโค่น ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย เจ้าของบัลลังก์คนปัจจุบันให้ได้ โดยเจ้าตัวมุ่งหวังจะใช้ผลงานไฟต์นี้เป็นบทพิสูจน์ว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งผู้ท้าชิงมากแค่ไหน

“ผมมองว่าไฟต์นี้คือบทพิสูจน์สำคัญ ที่จะทำให้โลกเห็นว่าผมคู่ควรกับการได้ขึ้นไปท้าชิงบัลลังก์กับ ตะวันฉาย มากแค่ไหน”