ระบบการเล่น 4-4-2 ของ มาซาทาดะ อิชิอิ ยังเป็นแบบแผนเรียบง่ายที่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต
“ปราสาทสายฟ้า” รู้ดีว่า “กิเลนผยอง” ของ มาริโอ ยูรอฟสกี โดดเด่นเรื่องการครอบครองบอล เซ็ตเกมเท้าสู่เท้าเข้าทำได้อย่างแม่นยำ แต่ลูกทีมของเขาก็มีจุดเด่นเรื่องบอล “เพรสซิ่ง” เช่นกัน
เมื่อรู้ว่า เมืองทองฯ มาเล่นตามสไตล์ถนัด บุรีรัมย์ฯ เองก็เล่นตามสไตล์ถนัดของตนเองคือ บีบสูงเพรสซิ่งกดดัน ไม่ให้คู่แข่งบิวท์อัพเกมได้สะดวก
ที่มาของประตูแรก ก็มาจากการที่ บุรีรัมย์ฯ ดันไลน์ขึ้นมาเพรสซิ่งในจังหวะ เมืองทองฯ ตั้งเกม ก่อนเป็น บุญทวี เทพวงศ์ ที่ถูก อายุบ มาซิกา ฉกบอลจากเท้าจี้เข้าเขตโทษ ก่อนที่เจ้าตัวต้องยอมตัดฟาล์ว
ผู้ตัดสินให้ฟรีคิก และเป็นเหลี่ยมพอเหมาะพอเจาะให้ รัตนากร ใหม่คามิ ซัดเข้าเสาแรก ได้ประตูที่ต้องการตั้งแต่หัววัน
จากนั้นทุกอย่างก็เข้าทางแท็คติกของ อิชิอิ
พวกเขาไม่จำเป็นต้องดันขึ้นไปบีบสูงอีกแล้ว ถอยไลน์ลงมากลางสนาม รอเมืองทองฯ เซ็ตเกมขึ้นมา หาจังหวะบีบกดดัน ตัดบอลสวย ๆ และสวนกลับไว ใช้ทรัพยากรริมเส้นที่เป็นญาติกับรถไฟความเร็วสูงอย่าง อายุบ มาซิกา ขณะที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน หรือ สุภโชค สารชาติ ก็สามารถเลี้ยงกินตัวคู่แข่งได้สบาย ๆ
สิ่งที่ตามมาคือ เมืองทองฯ ไม่สามารถเซ็ตเกมขึ้นไปกดดันคู่แข่งได้เลย จน วีรเทพ ป้อมพันธุ์ ต้องดรอปตัวเองลงมาช่วยตั้งเกม หากแต่พาบอลขึ้นไป แต่บอลในแดน 3 หรือพื้นที่สุดท้าย กลับไม่สามารถเข้าไปทำอะไร บุรีรัมย์ ได้เลย
แบ็กขวา-ซ้าย ผู้มาเยือนอย่าง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ธีราทร บุญมาทัน เล่นได้อย่างละเอียด ไม่ยอมเสียบอล-ฟาล์ว ง่าย ๆ สถานการณ์ดวล 1-1 อย่าหวังจะให้ผ่าน
เมื่อเจาะไม่ได้ เมืองทองฯ ก็ได้แต่เคาะบอลเปลี่ยนไปมา ตั้งเกมใหม่ ในขณะที่ บุรีรัมย์ ก็รอจังหวะตัดบอลสวนกลับชิล ๆ
ไม่แปลกที่เปอร์เซ็นต์ครองบอล หรือจังหวะจ่ายบอลเจ้าบ้านจะมากกว่าทีมเยือนเกือบครึ่ง
นั่นไม่ใช่เพราะ เมืองทองฯ บุกใส่จน บุรีรัมย์ฯ โงหัวไม่ขึ้น หากแต่เป็น บุรีรัมย์ฯ ปล่อยพื้นที่ให้ เมืองทองฯ ได้เล่นต่างหาก
ประมาณว่า อยากเคาะ อยากเซ็ตบอลก็ทำไป แต่เข้าพื้นที่อันตรายเมื่อไหร่ ถึงตัวทันที
สิ่งที่ตอบได้ดีคือ แม้เมืองทองฯ จะครองบอลมากกว่ามากมาย แต่โอกาสจบสกอร์ตรงกรอบพวกเขาคือ 0 ครั้ง
เฮนรี อานิเยร์ ดาวยิงตัวความหวัง หากไม่นับโอกาสได้พลิกยิงไปติดบล็อกในกรอบเขตโทษ ที่เหลือแทบหายหน้าไปจากเกม บอลจากทีมไม่เคยมาถึงเขา
เจาะภาคพื้นไม่เข้า บอลครอสเข้าไปก็ไม่สามารถเอาชนะ เรบิน ซูลากา และ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ดักเก็บได้หมดจด
การเปลี่ยนไพ่อย่าง สรวิทย์ พานทอง, กรวิชญ์ ทะสา หรือ วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร มาเพิ่มมิติเกมรุก ก็ไม่สามารถสร้างความต่างได้
จบเกมแบบม้วนเดียวตั้งแต่ 8 นาทีแรก บุรีรัมย์ฯ ชนะ 1-0 แบบที่ครองบอลน้อยกว่า การผ่านบอลน้อยกว่าเกือบครึ่ง แต่คู่แข่งไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้เลย
ชัยชนะเกมนี้ทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” โกยแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 ทรู แบงค็อกฯ เป็น 8 คะแนน หลัง “แข้งเทพ” บุกพ่าย หนองบัว พิชญ 0-1
ส่วน มาซาทาดะ อิชิอิ ยังเดินหน้าพาทีมชนะรวด 5 เกมติดกันต่อไป
ที่สำคัญ 3 จาก 5 เกม เก็บคลีนชีตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
