:::     :::

ดูวิธีคล็อปป์ตัดต่อพันธุกรรมซาลาห์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ครั้งหนึ่งเคยโดนกาหัวว่านักเตะแอฟริกันที่ล้มเหลวกับ เชลซี แต่เมื่ออุปสรรคคือของหวาน วันนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จึงได้ชื่อว่าผู้เล่นที่อันตรายสุดของลีกผู้ดี โดยเครดิตกึ่งหนึ่งยกให้ศัลยแพทย์ลูกหนัง เจอร์เก้น คล็อปป์

ชูแขนสารภาพว่าเป็นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามว่า ซาลาห์ กับ ลิเวอร์พูล จะเวิร์กจริงหรือ? เพราะต่อให้ผลงานกับ โรม่า กดไป 29 สกอร์ จากการลงเล่น 65 นัด บนเวที เซเรีย อา 

สมมุติฐานคือพอเปลี่ยนลีกที่รูปแบบการเล่นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปีกเท้าซ้ายที่ชอบยืนฝั่งขวาจะเอาตัวรอดอย่างไร เพราะคู่แข่งอัพคุณภาพความไวจากเดิม 2 เท่า 

กลายเป็นว่าเราเองที่อ่อนด้อย ไร้วิสัยทัศน์เพราะ ซาลาห์ ยิงประตูยัดปากต่อเนื่องถึง 20 ลูก ตั้งแต่ก่อน คริสต์มาส  ซึ่งถือเป็นรายแรกในรอบ 3 ทศวรรษนับจาก เอียน รัช เคยทำไว้ 

ผลงานของ โม ยังเดินหน้าต่ออย่างไม่มีหยุด เช่นเดียวกับ คล็อปป์ ชายผู้ลงมีดผ่าตัดสไตล์การเล่นให้แล้วประสบความสำเร็จ ตามตำรา 4 ข้อต่อไปนี้ 


มิดฟิลด์ฝั่งขวารุกจัดแต่ยังไม่ใช่กองหน้า หรือจะเรียกว่า ปีกจอมถล่มประตู ก็ตามสะดวก


เปลี่ยนตำแหน่งการยืน 

โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตผจก.ทีม เชลซี อาจมองข้ามความสามารถที่หลบซ่อนของ ซาลาห์ ตกไป แต่เขาไม่ใช่แค่คนเดียวที่คิดผิด เพราะตอนแรก 'เจเค' ก็ยังงงๆว่าจะจับแข้งอียิปต์ไปลงตรงไหนถึงจะเฉิดฉายมากสุด 

กระทั่งไปเจอตำแหน่งที่ชื่อว่า - ปีกจอมถล่มประตู - "การทำงานร่วมกับผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เขาสั่งให้ผมเข้าไปใกล้ปากประตูมากกว่าเดิม มากกว่าที่สโมสรหรือโค้ชคนใดเคยร้องขอมาก่อน" ซาลาห์ บอกกับหนังสือโปรแกรมของทีม 

"ซึ่งการที่ผมไปป้วนเปี้ยนแถวกรอบช่วยเพิ่มโอกาสในการทำประตูมากขึ้น รูปแบบนี้เป็นมาตั้งแต่ตอนซ้อม เจอร์เก้น ตะคอกบอกอยู่ตลอด" 

"ตอนแรกก็ข้องใจ แต่ก็ทำๆไปเพราะเราเพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลเลยไม่อยากเปรี้ยวมาก แต่พอมันเข้าท่าต่อยอดถึงผลงานในสนาม ก็รักษามันไว้"

"จริงอยู่ที่ผมไม่สามารถเปลี่ยนโอกาส 10 ครั้งเป็นประตูทั้งหมด - มันเป็นไปไม่ได้ รวมถึงก็รู้ตัวว่าใช้โอกาสเปลือง ส่วนตัวพร้อมพัฒนามันให้ดีขึ้น"


ยิงเหน่งๆแล้วพลาดมากสุดก็มิสเตอร์หยองนี่หล่ะครับ

ขยันสร้างโอกาส

คนขยันไม่อดตาย ฉันท์ใด ฉันท์นั้น ซาลาห์ ก็ไเป็นประเภทขยันหาโอกาสให้ตัวเองได้ลองสับไกบ่อยลำดับต้นๆของลีก 

ข้อมูลจากศูนย์จดสถิติ 'ออปต้า' ระบุว่าไม่มีผู้เล่นคนใดที่พลาดโอกาสทำประตูแบบไร้ตัวประกบมากกว่าดาวเตะเบอร์ 11 ของ 'หงส์แดง' อีกแล้ว 

แต่ขณะเดียวกับ 'โม' ก็เป็นนักเตะซึ่งพังตาข่ายจากการยิงแบไร้ตัวประกบมากสุดของลีก ร่วมกับท็อปสกอร์ แฮร์รี่ เคน 

เหตุก็เพราะแท็คติคของ คล็อปป์ ไม่ได้ให้ ซาลาห์ ยืนค้างอยู่เพียงริมเส้น เมื่อใดก็ตามหาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถอนมารับบอลต่ำไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ตัวข้างอย่าง ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน่ ก็จะหุบไปยืนแทนฐานะกองหน้าตัวเป้า 

"พวกเขาทั้งสามคนทำงานร่วมกันแบบเข้าขา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ บ็อบบี้ (ฟีร์มีโน่) ถอนลงมาลึก ก็จะมีผู้เล่น 2 คนด้านข้างวิ่งตีคู่ขึ้นไป ทำให้เกิดทางเลือกสำหรับจ่ายบอล หรือตะลุยต่อไปเอง" คำยืนยันจาก อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทีมเมต 'หงส์แดง' 

คำพูดไม่ได้เลื่อนลอยเพราะ ฟีร์มีโน่ กับ ซาลาห์ เป็นเพียงสองผู้เล่นในลีกที่สลับ แอสซิสต์-ยิง ให้กันและกันได้ถึงประเภทละ 3 ประตู 


ซาลาห์ ป้วนเปี้ยนในกรอบประจำ

สัมผัสบอลในกรอบ 18 หลา 

ด้วยทักษะที่หลากหลาย รวมถึงเท้าซ้ายเดาทางยาก ทำให้ ซาลาห์ คือนักเตะที่สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งมากสุดของลีกเหนือกว่า แฮรรี่ เคน หัวหอกค่าย สเปอร์ส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกของ แมนฯ ซิตี้ ในลำดับ 2 กับ 3 ตามลำดับ 

มีถึง 15 จาก 16 นัด ที่ ซาลาห์ ได้จับบอลในเขตโทษมากว่า 6 ครั้ง แล้วสามารถทำประตูสำเร็จ โดยหนเดียวที่ไร้ชื่อบนบอร์ดคือเกมเปิดบ้านถล่ม สวอนซี 5-0 เมื่อ บ็อกซิ่ง เดย์ ทว่าก็มีผลงาน 2 แอสซิสต์ กระทั่งโดนเปลี่ยนออกเพราะทีมนำห่าง 4 ลูกแล้วตอนครึ่งแรก  

จะหาวิธีหยุดอย่างไร? 

ทฤษฎีนี้ถูกท้าพิสูจน์จาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผจก.ทีม สเปอร์ส มาแล้ว ในเกมแรกที่ 'หงส์แดง' ออกไปเยือน เวมบลี่ย์ แล้วปราชัย 1-4 

โดยแมตช์นั้น 'พอช' เอา แซร์ช โอริเย่ร์ ที่ถนัดเท้าขวาแต่โยกเล่นวิงแบ็กซ้ายเพื่ออาศัยความเร็วไว้หยุดเจ้า ซาลาห์ โดยเฉพาะ แต่ก็ไม่รอดอยู่ดีโดนไป 1 เม็ด 

ขณะที่เกมในแอนฟิลด์ กุนซืออาร์เจนไตน์ปรับมาใช้ เบน เดวิส นักเตะถนัดซ้าย เล่นแบ็กซ้ายตามธรรมชาติ ก็โดนหลอนไปสองดอก 

คำถามคือเกมต่อไปกับ ยูไนเต็ด ผจก.ทีม โชเซ่ มูรินโญ่ จะเอาใครเล่นแบ็กซ้ายระหว่าง แอชลี่ย์ ยัง ซึ่งถนัดขวา อีกขอยส์เป็น ลุ้ก ชอว์ ซ้ายธรรมชาติ


ดาร์เมี่ยน (ขวา) เคยรับน้องใส่ ซาลาห์ (ซ้าย) อยู่หมัด

หรือจะลอกพิมพ์เขียวจากนัดที่ แอนฟิลด์ เมื่อตุลาคม เสมอด้วยผล 0-0 ซึ่งครั้งนั้นเอา มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน มาคุม แล้วสามารถจำกัดการสัมผัสบอลในกรอบของสตาร์อียิปต์แค่ 5 ครั้ง 

ทั้งนี้ ทั้งนั้น ฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็เตรียมแผนมารับมือแล้วเช่นกัน รวมถึงพัฒนาการของ โม จากตอนต้นซีซั่นดูแพรวพราวขึ้นเยอะ

'แดงเดือด' ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด คงไม่จืดแบบครั้งที่ผ่านมารับประกัน 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด