:::     :::

ฟุตบอลซีเกมส์ : เงื่อนไขที่ดีกับไทย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรียกว่าทำเอานักรบคีย์บอร์ด หรือแฟนบอลเฉพาะกิจผู้เสพติดแต่ชัยชนะหัวร้อนกันอีกครั้ง

ภายหลัง “เจ้าภาพ” กัมพูชา ปรับกฎการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์อีกครั้ง โดยห้ามใช้นักเตะอายุเกิน 22 ปี ลงแข่งขัน ต่างจากก่อนหน้านี้ที่อนุญาตให้มีผู้เล่นโควตา “อายุเกิน” ได้

เสียงกระแทกแป้นพิมพ์ก่นด่าลอยเต็มโซเชียล ซึ่งคงไม่แปลก เพราะเจ้าภาพทุกชาติต่างใช้อำนาจที่มีกำหนดทิศทางให้ชาติตัวเองมีผลลัพธ์ที่ดี หรือประสบความสำเร็จ

กัมพูชา ในยุค เคสึเกะ ฮอนดะ ใช้นักเตะดาวรุ่งมาเป็นหลักในช่วงหลัง แม้แต่ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนล่าสุด ก็เต็มไปด้วยเด็กวัยละอ่อน และทำผลงานได้ดีระดับหนึ่ง

ฉะนั้น กัมพูชา จึงมั่นใจว่า ซีเกมส์หนนี้หากสู้กันเฉพาะในรุ่นอายุไม่เกิน 22 พวกเขาก็พร้อมตึงใส่ได้ทุกทีม แถมได้เล่นในบ้านอีก ขี้ริ้วขี้เหร่ต้องมีเหรียญติดมือบ้างแหละ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองอีกมุม เงื่อนไขบังคับใช้โควตารุ่นอายุไม่เกิน 22 ในซีเกมส์หนนี้ ผู้เขียนกลับคิดว่าจะเป็น “ผลดี” แก่ทุกชาติ ไม่เว้นแม้แต่ไทย

เพราะเทียบกันในแง่ศักยภาพ ผู้เขียนก็ยังเชื่อว่าดาวรุ่งไทย ไม่เป็นรองชาติไหน


ขอแค่มีเวลาให้ “เตรียมทีม” สักหน่อย ไม่ใช่จับพลัดจับผลูเรียกมารายงานตัวก่อนแข่งไม่กี่วัน ซ้อมพอเป็นพิธี แล้วบินไปแข่งเลย แบบนั้นก็ไม่ไหว

ประเด็นสำคัญคือ ผู้เขียนมองว่าทัวน์นาเมนต์ซีเกมส์ครั้งนี้ คือการเตรียมตัวชั้นดี

เพราะอย่างลืมว่าช่วงปลายปีนี้เราจะมีโปรแกรมลงแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อชิงตั๋วไปโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส

ยังไม่นับรวมถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 มีโปรแกรมอุ่นเครื่องในรายการ “โดฮา คัพ 2023” ที่ประเทศกาตาร์

รายการนี้ไทยจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะมีทั้ง ไทย กาตาร์ (เจ้าภาพ) เวียดนาม เกาหลีใต้ อุซเบกิสถาน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โครเอเชีย ยังไม่นับรวมชาติอื่น ๆ ที่รอคอนเฟิร์ม

ที่บอกว่าได้ประโยชน์ เพราะว่านอกจากเป็นรายการสำคัญในการเตรียมทีมก่อนซีเกมส์ และ ชิงแชมป์เอเชียแล้ว ดาวรุ่งหลายคนที่ยังไม่มีโอกาสในเกมระดับนานาชาติ จะได้เดบิวต์ชิมลางแบบเต็มที่

ทำให้สิ่งที่ผู้เขียน “คาดหวัง” คือให้สมาคมฟุตบอลตั้งใจใช้ อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอนคุมทีม ก็ให้ได้ทำอย่างต่อเนื่องไปเลย


ให้โค้ชหาผู้เล่นชุดที่เหมาะสมสุด พัฒนากันต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ “โดฮา คัพ” ต่อยอดไปยัง ซีเกมส์ จนถึงชิงแชมป์เอเชีย ส่วนทางสมาคมเองก็ทำงานควบคู่กันไป ด้วยการประสานสโมสรต้นสังกัดนักเตะ ขอความร่วมมือให้ปล่อยเด็กมารับใช้ชาติ  

ใช้ทีมชุดเดิมสู้ แน่นอนว่าผลพลอยได้คือความเข้าขา ความรู้ใจ ทั้งในแง่แท็คติกและระบบการเล่น โดยที่แทบไม่ต้องปรับทีมใหม่

โอเคหากระหว่างทาง ผลลัพธ์ในซีเกมส์จบไม่สวย ไม่เป็นไปตามเป้า ก็ช่างแม่ง สิ่งเหล่านี้คือราคาที่ต้องจ่าย ต้องแลกด้วยความผิดหวัง ไม่ได้ดังใจบ้าง แต่อย่างน้อยจะทำให้เราเห็นปัญหา รู้ว่าควรปรับปรุงทำการบ้านจุดไหน ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีโควตานักเตะอายุเกินไปประคอง อาจทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งที่ควรแก้ไข

เพราะหากมีแนวทาง แบบแผนการเล่นที่ชัดเจน ระหว่างทางสะดุดล้มบ้าง ปลายทางมันอาจดูดีขึ้น ในศึกชิงแชมป์เอเชียก็ได้

นี่ไม่ใช่เหรอคือเป้าหมายหลักของสมาคมฟุตบอล ?

ดังนั้น สิ่งแรกที่นายกสมาคมควรทำเลยคือ ประชาสัมพันธ์แต่เนิ่น ๆ ถึงแผนงานทีมชาติชุดนี้ ไปยังนักรบคีย์บอร์ด สื่อมวลชนทุกช่องทาง ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอล รวมถึงแก๊งหัวหงอกในวงการกีฬาบางคน ที่ใส่สูทนั่งดึงหน้าในห้องแอร์ด้วย

ที่ต้องเน้นกลุ่มนี้ เพราะว่าเป็นประเภทที่ไม่สนใจห่าอะไร และดูแค่ “ผลการแข่งขัน” อย่างเดียวจริง ๆ

   


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด