:::     :::

ซัมเปาลี จากไปด้วยหัวใจแห่งรักแท้-เมนดิลิบาร์ คือผู้กอบกู้ ?

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นไปตามคาดครับสำหรับสถานการณ์ของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่สุดท้ายก็คอไม่พ้นเขียงโดน เซบีย่า หั่นพ้นจากตำแหน่งนายใหญ่ของทีมจนได้โดยผลงานล่าสุดที่ฝากไว้คือการนำทีมบุกพ่าย เคตาเฟ่ 0-2 ที่ โกลีเซียม อัลฟองโซ่ เปรซ

ทันทีที่รับทราบการตัดสินใจของบอร์ดบริหาร ซัมเปาลี ก็ร่อนจดหมายผ่านทางแอคเคาท์ส่วนตัวอำลาแฟนๆเนร์บิออน ใจความว่า“ผมถึงเวลาต้องบอกลาเมืองและสีเสื้อที่อยู่ในใจผมเสมอมา”

“ตอนที่พวกเขาเรียกให้ผมกลับมา ผมคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่จะปิดฉากยุคแรกของผมที่ค้างไว้ในสักทาง”

“เซบีย่า คือทีมแรกบนเส้นทางอาชีพของผมที่ผมพยายามมองหาโอกาสที่สองที่จะกลับไป” 

“ผมขอรับรองว่าถึงแม้สถานการณ์จะต่างไปจากที่้เคย แต่ความรักของผมที่มีต่อตราสโมสรไม่เคยดับสลาย และยังคงยิ่งใหญ่” 

……………………….

ครับ จากจดหมายจะเห็นได้ว่าการตัดสินใจรับงานที่ เซบีย่า หนนี้ของกุนซืออาร์เจนไตร์ส่วนนึงมาจากความรู้สึกที่ติดค้างกันอยู่ เมื่อครั้งที่ เซบีย่า ยอมให้ ซัมเปาลี ฉีกสัญญาแล้วไปรับงานคุมทีมชาติอาร์เจนติน่าที่กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อลุยฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย 


ช่วงเวลานั้น ซัมเปาลี กำลังร้อนแรงสุดๆ จัดเป็นกุนซือที่มีผลงานโดดเด่นหลังพาทีมชาติชิลีคว้าแชมป์โกปา อเมริกา ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2015 ก่อนจะข้ามห้วยมาหากินในยุโรปครั้งแรกกับ เซบีย่า 


จำได้ว่า ลา ลีกา ตื่นเต้นกับการมาของ ซัมเปาลี อย่างมาก มีสกู๊ปข่าวหลายชิ้นเกี่ยวกับเขา อีกทั้งผลงานกับ เซบีย่า ก็นับได้ว่าออกสตาร์ทอย่างน่าประทับใจ แต่ทุกอย่างที่กำลังไปได้สวยก็มีอันหยุดชะงักเมื่อ อาร์เจนติน่า ชาติบ้านเกิดติดต่อมา  


เมื่อจากกันแบบค้างคาในปี 2017 นั่นทำให้ ซัมเปาลี ต้องการตอบแทนบุญคุณต้นสังกัดเดิม เมื่อ เซบีย่า ปลด ยูเลน โลเปเตกี ออกจากตำแหน่ง และติดต่อไปเขาจึงยอมรับข้อเสนอในทันที โดยแทบไม่ได้ดูให้ละเอียดเลยว่า เซบีย่า ปัจจุบันมีโครงสร้างทีมอย่างไร 

เมื่อมาถึง และลงคุมทีมซ้อม เขาจึงได้เห็นว่านักเตะในตำแหน่งสำคัญบางคนไม่อยู่ในมาตราฐานของ ลา ลีกา และแกนหลักหลายคนก็อยู่ในช่วงดาวน์ 


นักเตะที่พร้อมทั้งประสบการณ์ ฝีเท้า และความแข็งแกร่งของร่างกายมีจำนวนจำกัด แถมบางคนยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ หรือบางคนก็เพิ่มหายกลับมาจากการบาดเจ็บยาว บางคนกลับมาแล้วก็ยังไม่สามารถควานหาฟอร์มเดิมที่เคยทำได้ 


เหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ ทำให้ ซัมเปาลี ต้องพบกับความยากลำบาก การปรับให้ทีมที่ขาดความสมดุลเช่นนี้ให้ยกระดับขึ้นตามความคาดหวังทั้งจากแฟนบอลและบอร์ดบริหารไม่ใช่เรื่องง่าย กระนั้นในฐานะเทรนเนอร์ ซัมเปาลี ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย 

19 นัดของ ซัมเปาลี ใน ลา ลีกา (เริ่มคุมนัดที่ 8 ของฤดูกาล) ชนะ 6 เสมอ 5 แพ้ 8 เก็บได้ 23 แต้มจาก 57 แต้มเต็ม ถือว่ามีค่าเฉลี่ยที่แย่มาก ทีมพร้อมแพ้ให้กับทุกทีม ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ หรือระดับท้ายตาราง 


ฟางเส้นสุดท้ายคือการออกไปพ่าย เคตาเฟ่ 0-2 ในนัดที่ 26 ของฤดูกาล ซึ่งทำให้บอร์ดตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะให้เวลามาพอสมควรแล้ว ขืนปล่อยให้เนิ่นนานเกินไป จำนวนแมตช์จะยิ่งลดลง โอกาสที่ เซบีย่า จะตกชั้นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น 

เกมแพ้ เคตาเฟ่ เสียหายตรงที่เป็นหนึ่งในคู่แข่งหนีตกชั้น การเสีย 3 แต้ม พร้อมๆกับ เฮด ทู เฮด ที่กลับมาเสียเปรียบ (นัดแรกที่ ปิซฆวน เซบีย่า ชนะ 2-1) ถือว่าเสียหายอย่างมาก 


ปัจจุบัน เซบีย่า รั้งอันดับ 14 มี 28 แต้ม มากกว่า บาเลนเซีย อันดับ 18 แค่ 2 แต้มเท่านั้น ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี 

เทียบตอนนี้กับฤดูกาล 1999-2000 เมื่อผ่านไป 26 นัด ปัจจุบันดูดีกว่า 5 แต้ม ทว่าเมื่อเทียบหลักไมล์แล้ว ถือว่าน่าห่วงมากแล้ว 

ซัมเปาลี จากไปคนใหม่ที่เข้ามาคือ โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ เทียบวัยกันแล้วทั้งคู่ไม่ต่างกัน ซัมเปาลี 63 , เมนดิลิบาร์ 62 เริ่มจับงานด้านกุนซือไล่เลี่ยกันระหว่างปี 1991-1994 แต่สิ่งที่ต่างคือประสบการณ์ของ เมนดิลิบาร์ ทั้ง100% อยู่ในสเปน 


เมนดิลิบาร์ ไม่ใช่เทรนเนอร์ที่ชอบพลิกแพลงรูปแบบการเล่น เขาเป็นเทรนเนอร์แบบ old school ชื่อเสียงแม้ไม่โด่งดังเท่า ซัมเปาลี แต่ด้วยสถานการณ์ในยามนี้ที่ เซบีย่า จะต้องเอาตัวรอดจากการหนีตกชั้น ผมคิดว่าเขาคือตัวเลือกที่ดี เพราะมีประสบการณ์ในการคุมทีมเล็กที่เผชิญกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการตกชั้นมากกว่า ไม่ว่าจะกับ เรอัล บายาโดลิด,เออิบาร์,อลาเบส,โอซาซูน่า หรือ เลบันเต้ 


เมนดิลิบาร์ เชื่อมาตลอดว่าระบบไม่มีความสำคัญเทียบเท่ากับไอเดียการเล่น และไอเดียการเล่นของเขาคือเขาไม่สนเปอร์เซนต์การครองบอล เขาไม่สนการเล่นที่สวยงาม เขาไม่สนใจอะไรที่หรูหราฟุ่มเฟือย 

เขาสนใจแค่ว่าให้บอลไปข้างหน้า และพยายามจบสกอร์ให้ได้ คุณไม่จำเป็นต้องบิวด์อัพเกมจากแดนหลังทุกครั้ง หากว่าบอลยาวทำหน้าที่ได้ดี 

คุณไม่จำเป็นต้องต่อบอล ทำชิ่ง 3-4 จังหวะ ถ้าการครอสจากด้านข้างเพียงหนึ่งครั้งทำให้กองหน้าได้โอกาสยิงประตู และประการสุดท้ายที่สำคัญที่สุด “เมื่อเสียบอลทุกคนต้องวิ่ง”


เมนดิลิบาร์ สนใจแค่ว่าทำยังไงก็ได้ขอให้ยิงประตูได้ และอย่าเสียซึ่งนี่คือปรัชญาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ ซัมเปาลี มอบให้กับ เซบีย่า ไม่ได้ เพราะ 19 เกมที่ผ่านมา แนวรับเซบีย่ารักษาคลีนชีตได้แค่ 2 นัดเท่านั้น 


ลงเล่น 19 นัด เสียประตู 17 นัด แทบไม่ต้องคิดแล้วว่าอะไรคือปัญหาของ เซบีย่า ในปัจจุบัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ เมนดิลิบาร์ ถนัด 

เขาเป็นกุนซือที่ชอบให้ลูกทีมเล่นด้วยความดุดัน ห้ามหาญ โดยเฉพาะในจังหวะแย่งบอล ในจังหวะที่ต้องปะทะกันตัวต่อตัว เมนดิลิบาร์ พูดกับสื่อ estadiodeportivo สื่อท้องถิ่นเซบีย่าว่า “ผมไม่ชอบให้ลูกทีมแย่งบอลแพ้” 


จากนี้เชื่อว่าเราจะได้เห็น เซบีย่า ในเวอร์ชั่นที่แตกต่างไปจากเดิม หวือหวาน้อยลง สวยงามน้อยลง ไม่เดินหน้าบุกแหลกเหมือนที่ผ่านมา หากเล่นด้วยความดุดัน ถึงลูกถึงคน เกมรับในเข้มข้น 

สไตล์นี้อาจไม่ถูกใจ เซบียิสต้าส นัก แต่เมื่อถึงทางตันแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก 

ไม่สวยไม่เป็นไร ขอให้รอดไว้ก่อน


เจมส์ ลา ลีกา 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})