:::     :::

5เหตุผลสู่การคว้าแชมป์ของดอร์ทมุนด์

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน 2566 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
886
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กุมความได้เปรียบในมือก่อนลงเล่น 5 เกมสุดท้ายเพื่อเดินหน้าสู่การคว้าแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่นนี้

มันผ่านมา 11 ปีแล้วที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 2011-2012 แต่ เบเฟาเบ ของ เอดิน แทร์ซิช มีโอกาสโค่นบัลลังก์ บาเยิร์น มิวนิค ที่ฟาดแชมป์ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งมี 5 เหตุผลที่ทีมเสือเหลืองจะชูถาดแชมป์เยอรมนีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ 


1.ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์


มันอาจเป็นหนึ่งในสุภาษิตเก่าแก่สุดในวงการลูกหนัง แต่นั่นไม่ได้หยุดความจริงที่ว่า ดอร์ทมุนด์ กำลังเข้าสู่การแข่งขัน 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้ด้วยการมีคะแนนนำ บาเยิร์น มิวนิค หนึ่งแต้ม หมายความว่าหากพวกเขาชนะทั้ง 5 นัด พวกเขาจะคว้าแชมป์ซีซั่นนี้ คาดว่าเทรนเนอร์ เอดิน แทร์ซิช จะพยายามดึงพวกเขาขยับเข้าใกล้ความสำเร็จไปทีละเกม 

ในช่วง 20 ฤดูกาลที่ผ่านมามีเพียงครั้งเดียวที่ทีมจ่าฝูงก่อนเข้าสู่เกมที่ 30 ของฤดูกาลแล้วไม่ได้แชมป์บุนเดสลีกา นั่นเกิดขึ้นในซีซั่น 2006-2007 ที่ สตุ๊ตการ์ท แซงหน้า ชาลเก้ คว้าแชมป์ในฤดูกาลดังกล่าว

ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ เคยนำเป็นจ่าฝูงของตารางในช่วงนี้ของฤดูกาล 3 ครั้ง ปรากฎว่า เบเฟาเบ คว้าแชมป์ลีกเมืองเบียร์ทั้งสามหน

ส่วน เกรกอร์ โคเบิล ผู้รักษาประตูของ ดอร์ทมุนด์ กล่าวหลังเกมชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 4-0 ในเกมที่ 29 ของซีซั่นจนทีมเสือเหลืองแซงขึ้นนำจ่าฝูงว่า 'การกลับมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง และมีทุกอย่างอยู่ในมือของเราเป็นความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อ มันทำให้เราภูมิใจ'


2.ฟอร์มของทีมที่พร้อมแข่งขัน

ไม่มีความรู้สึกใดๆสำหรับทีมมากไปกว่าการมีโมเมนตัมของทีมพวกเขา และปัจจุบัน เบเฟาเบ มีสิ่งนั้นมากมาย หลังพวกเขาเริ่มต้นปี 2023 อย่างน่าทึ่ง คว้าชัยชนะเกมแล้วเกมเล่า รวม 10 เกมติดต่อกันจากการลงเล่นทุกรายการระหว่างเดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม 

แม้ ดอร์ทมุนด์ จะถูก บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การกุมบังเหียนเกมแรกของ โธมัส ทูเคิ่ล ตบหัวทิ่มด้วยสกอร์ 4-2 ก็ตาม แต่ทีมของ แทร์ซิช ยังฟื้นตัวกลับมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยการเก็บ 7 คะแนนจากการลงเล่น 3 นัดล่าสุดจนแซงหน้าทีมเสือใต้ขึ้นนำจ่าฝูงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังทีมดังแคว้นบาวาเรียเก็บได้เพียง 4 คะแนนในช่วงเวลาเดียวกัน

นับเฉพาะผลงานในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นแสดงให้เห็นว่า ดอร์ทมุนด์ ทำผลงานเหนือกว่าทุกค่าย พวกเขาเก็บ 29 คะแนนจากการลงเล่น 12 นัด นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2023 เบเฟาเบ ยังเก็บคะแนนได้มากกว่า บาเยิร์น มิวนิค ถึง 10 แต้ม และยังยิงรวมกัน 41 ประตูมากกว่าทีมอื่นๆด้วย 


จากประสิทธิภาพการทำประตูแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในช่วงฤดูหนาว ทั้งที่ก่อนช่วงเบรคกลางซีซั่น ดอร์ทมุนด์ และ ชาลเก้ เป็นสองทีมที่มีประสิทธิภาพการทำประตูแย่สุดที่ร่วมกัน แต่ตอนนี้ทีมของ แทร์ซิช กลับกลายเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพการทำประตูดีที่สุดของลีก

ทั้งหมดนี้ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างชัดเจน ขณะที่ทีมเสือใต้กำลังดิ้นรนอย่างหนัก พวกเขาไม่ชนะจากการลงเล่นทุกรายการตลอด 4 เกมหลังสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งเกิดขึ้นผิดเวลาในช่วงสำคัญของฤดูกาล

ทีมเสือใต้ยังมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการทำประตู หลังยิงได้ไม่เกินหนึ่งประตูจากการลงเล่นทุกรายการตลอด 6 เกมหลังสุด มันดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์จาก ยูเลียน นาเกลส์มันน์ มาเป็น ทูเคิ่ล จะไม่ช่วยให้สถานการณ์ของทีมเสือใต้ดีขึ้นอย่างที่คาดหวัง

3.โปรแกรมการแข่งขันที่ดี

แต่ละเกมจากนี้ไปจนจบฤดูกาลเป็นตัวแทนของโอกาสที่จะก้าวไปสู่ความฝันของพวกเขา สถานการณ์โดยรอบการแข่งขันจึงมีความสำคัญ และโปรแกรมแข่ง 5 เกมสุดท้ายของ ดอร์ทมุนด์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคว้าชัยชนะได้ทุกนัด โดยมีคู่แข่งเพียง 2 ทีมที่อยู่ครึ่งบนของตารางและไม่มีทีมใดอยู่ใน 6 อันดับแรกเลย 

โปรแกรม 5 นัดสุดท้ายของ ดอร์ทมุนด์ เป็นการเล่นในบ้าน 3 นัดกับ โวล์ฟสบวร์ก, มึนเช่นกลัดบัค และ ไมนซ์ ส่วน 2 เกมนอกบ้านจะพบกับ โบคุ่ม และ เอาก์สบวร์ก ซึ่งถือเป็นคิวเตะที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของทีมเสือเหลืองที่จะคว้าชัยชนะทั้งหมด

โบคุ่ม อยู่อันดับ 15 กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้น พวกเขาไม่ชนะตลอด 4 เกมหลังและพ่ายคารังต่อ โวล์ฟสบวร์ก 1-5 นัดล่าสุด คู่ปรับถัดมาของ โวล์ฟสบวร์ก และ มึนเช่นกลัดบัค ทีมอันดับ 8 กับ 10 ซึ่งเป็นการเล่นบนสังเวียน 'ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค' ทั้งสองนัด 


จากนั้น ดอร์ทมุนด์ จะยกพลเยือน เอาก์สบวร์ก ทีมอันดับ 13 ซึ่งน่าจะอยู่รอดปลอดภัยเมื่อถึงเวลานั้นก่อนทั้งสองทีมจะพบกันในวันที่ 21 พฤษภาคม ส่วนเกมสุดท้ายของฤดูกาลกับ ไมนซ์ อาจเป็นแมตช์ตัดสินชะตาของทีมเสือเหลือง แต่มันเป็นการเล่นที่ 'ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค' ซึ่งนักเตะ เบเฟาเบ จะมีแรงกระตุ้นอย่างสูงหากพวกเขาต้องการชัยชนะเพื่อตำแหน่งแชมป์ 

ดอร์ทมุนด์ ทำผลงานบนสังเวียน 'ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค' ซั่นนี้ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาลงเล่น 14 เกม สถิติชนะ 12 เสมอ 1 แพ้ 1 แน่นอนว่าแฟนบอลจะมีบทบาทอย่างยิ่งยวดในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำแพงสีเหลืองที่ถือเป็นตำนานของวงการลูกหนังเมืองเบียร์ 

ส่วน 5 เกมสุดท้ายของ บาเยิร์น มิวนิค จะเล่นในถิ่น 3 เกมเช่นกันกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ชาลเก้ และ แอร์เบ ไลป์ซิก อีก 2 นัดนอกบ้านจะพบกับ แวร์เดอร์ เบรเมน และ เอฟซี โคโลญจน์ 

4.ทีมพลังหนุ่มที่เติมเต็มด้วยประสบการณ์

มีบางอย่างที่พิเศษในขุมกำลังของ ดอร์ทมุนด์ ทุกคนกำลังทุ่มสุดตัวในการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์ ยกตัวอย่างการทำประตูของ จิโอ เรย์น่า ที่ช่วยทีมเสือเหลืองขึ้นนำ สตุ๊ตการ์ท 3-2 ในเกมที่ 28 มันเป็นประตูที่ 13 ของผู้เล่นสำรอง เบเฟาเบ ในฤดูกาลนี้ มากกว่าทุกสโมสร โดยเฉพาะ บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำได้เพียง 6 ประตูจากผู้เล่นสำรอง

เรย์น่า เป็นหนึ่งใน 5 นักเตะอายุไม่เกิน 21 ปีที่ทำประตูให้ ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลนี้ ความไม่เกรงกลัวของผู้เล่นอายุน้อยเป็นอีกปัจจัยในความสำเร็จของพวกเขาอย่างแน่นอน โดยมี จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษวัย 19 ปีคุมแดนกลางอย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่ คาริม อเดเยมี่ แนวรุกวัย 21 ปีที่คอยคุกคามเกมป้องกันคู่แข่ง และยังมีการทำประตูสำคัญจากสองแนวรุกวัย 18 ปีทั้ง ยุสซูฟา มูโกโก้ และ เจมี่ บีโน-กิตเท่นส์ 

ในฤดูกาลนี้มีเพียง สตุ๊ตการ์ท, เลเวอร์คูเซ่น และ โวล์ฟสบวร์ก ที่ลงสนามด้วยนักเตะอายุเฉลี่ยน้อยกว่า ดอร์ทมุนด์ แต่ด้วยประสบการณ์ของผู้เล่นอาวุโสบางคน็มีส่วนผลักดันพวกเขาในขั้นตอนนี้ของฤดูกาลเช่นกัน


มาร์โค รอยส์ แนวรุกกัปตันทีมวัย 33 ปี และ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ วัย 34 ปีกลับมาเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งเหมือนที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเข้าใจจิตวิญญาณของสโมสรและสามารถอธิบายน้ำหนักของการแบกรับมันให้กับผู้เล่นอายุน้อยได้ดีไปกว่า รอยส์ ซึ่งค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ มานานกว่าทศวรรษ 

ขณะที่ ฮุมเมิ่ลส์ มีประสบการณ์คว้าแชมป์กับ ดอร์ทมุนด์ และ บาเยิร์น มิวนิค ร่วมกัน 5 สมัย ทั้งคู่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของพวกเขาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าในการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่น 2022-2023

5.เอดิน แทร์ซิช : เจอร์เก้น คล็อปป์ เวอร์ชั่น 2.0

เทรนเนอร์หนุ่มไฟที่เคยนำ ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์และทำลายหัวใจของ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2011 และ 2012 นั่นคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้ความฝันของทีมเสือเหลืองกลายเป็นจริง เวลาผ่านมาอีกกว่าทศวรรษและ แทร์ซิช คือผู้ที่พร้อมจะเดินตามรอยเท้าของ คล็อปป์

แทร์ซิช เริ่มต้นอาชีพโค้ชของเขากับทีมเยาวชนของ ดอร์ทมุนด์ ในขณะที่ คล็อปป์ ยังอยู่ที่สโมสรและตอนนี้เขาเป็นนายใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเทรนเนอร์วัย 40 ปีกล่าวถึง คล็อปป์ ว่า 'เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม เขามีผลกระทบอย่างมากต่อพวกเราทุกคน โดยเฉพาะกับผม'

'ผมมีความสุขมากที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานให้เขา ไม่ใช่กับเขา แต่เพื่อเขา ในช่วงเวลานั้น ผมมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งดีๆ มากมายและได้เรียนรู้จากเขา ผมยังคงติดต่อกับเขาจนถึงตอนนี้'

ในขณะที่ คล็อปป์ สร้าง ดอร์ทมุนด์ เล่นในสไตล์ Heavy Metal Football ส่วน แทร์ซิช อนุญาตให้ผู้เล่นของเขาพูดคุยกันในสนาม พรสวรรค์ในแนวรุกที่น่าทึ่งในทีมชุดปัจจุบันที่ ดอร์ทมุนด์ กระทุ้งไปแล้ว 66 ประตูจากการลงเล่น 29 เกม ซึ่งมากกว่า ดอร์ทมุนด์ ยุค คล็อปป์ ที่ทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลที่คว้าแชมป์ในฤดูกาล 2011-2012 (59 ประตู) และเท่ากับที่พวกเขาทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันในการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่น 2011-2012


เช่นเดียวกับเทรนเนอร์เก่งๆคนอื่น แทร์ซิช ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทั้งคนกระตุ้นและเป็นคนที่ตัดสินใจได้ถูกต้องในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่นแนวคิดของเขาที่ย้าย ราฟาเอล เกร์เรยโร่ จากแบ็กซ้ายมาเป็นมิดฟิลด์ในเดือนมีนาคม ซึ่งแข้งชาวโปรตุกีสทำ 2 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 3 นัดได้อย่างน่าทึ่ง

แทร์ซิช ยังเลือก ดอนเยลล์ มาเลน ที่แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลอย่างน่าผิดหวังเนื่องจากการคลำเป้าไม่เจอ ก่อนแนวรุกชาวดัตช์จะกลับมาเล่นได้อย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม เขาทำ 6 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 5 นัดนับตั้งแต่นั้น

มันอาจค่อนข้างง่ายสำหรับ แทร์ซิช และ ดอร์ทมุนด์ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้ตำแหน่งแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่น 2022-2023 และดูเหมือนว่าจะเป็นโชคชะตาของพวกเขาแล้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด