:::     :::

"ผมจะไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นให้ได้" รุด ฟาน นิสเตลรอย

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,885
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือเรื่องราวจากปากของ "Ruud van Nistelrooy" ที่บอกเล่าเอาไว้ด้วยตัวเองในคอลัมน์ UTD Unscripted ในเรื่องที่เขาเกือบจะได้ย้ายมาแมนยูแล้วแต่ต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่เข่า และต้องฝันสลาย ก่อนที่จะไม่ลดละความพยายาม และกลับไปฟื้นฟูร่างกายอีกครั้งที่ PSV จนหายดี เรื่องราวตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครได้รู้ และนี่คือเรื่องราวของเขา

เวลาที่คุณขับรถมุ่งหน้าไปยังโอลด์แทรฟฟอร์ด คุณจะเห็นโครงสร้างของสนามได้เลยจากจุดที่ค่อนข้างไกลมาก มันดูเล็กๆและห่างออกไปในตอนแรก จากนั้นก็ค่อยๆใหญ่โตขึ้นเมื่อเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

ผมจำครั้งแรกได้ดีเมื่อยามที่ได้เห็นมัน ตอนนั้นผมอยู่ที่แมนเชสเตอร์เพื่อเซ็นสัญญามาเล่นกับยูไนเต็ดจากสโมสรPSV ผมตรวจร่างกายเสร็จ ออกมาจากโรงพยาบาล ก็มาที่แคริงตันเพื่อพบผู้คนต่างๆในสโมสร และกำลังไปโอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อเซ็นสัญญาในการย้ายทีมให้เสร็จสมบูรณ์

ผมสามารถเห็นสนามได้จากไกลๆเลยตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของศัลยแพทย์ทางกระดูกและข้อที่ทำการตรวจรักษาผม เขาบอกว่าเขาเจออะไรบางอย่างจากการสแกน MRI และเราจำเป็นต้องยกเลิกการเซ็นสัญญา รู้สึกว่าเขาจะแจ้งมาว่า "ชะลอเอาไว้ก่อน" มั้ง

ช่วงเวลานั้นมันมีอะไรเข้ามาในหัวเต็มไปหมด คุณช็อคแบบสุดๆ ความรู้สึกมันเตลิดไปไกลว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นไปไม่ได้ แบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย

จากนั้นรถก็ค่อยๆเลี้ยวกลับและขับลับไปจากโอลด์แทรฟฟอร์ด มันค่อยๆเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆห่างออกไปทางข้างหลังผม เรากำลังมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมเพื่อจะหารือว่าจะทำยังไงต่อไป

มันไม่ได้เป็นการแจ้งข่าวมาบอกผมว่ามีอาการเจ็บเข่าตรงนี้นะ ผมรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ผมเข้ากระบวนการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเส้นเอ็นตรงกลางนั้น และมันไม่ใช่ความลับอะไร ยูไนเต็ดก็รู้เรื่องนี้ การเจ็บเอ็นหัวเข่าไม่ใช่ปัญหาของการเซ็นสัญญา ตรงนี้มีการเจรจาพูดคุยกันมาแล้ว ก่อนที่ผมจะบินมาแมนเชสเตอร์ และมันก็โอเค

แต่ตอนนี้มันมีปัญหาว่ามันอาจจะบาดเจ็บกว่าเดิม ผมจึงกังวลมากๆและครุ่นคิดอะไรอีกหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ดังนั้นก็เลยกลับไปโรงแรมก่อนเพื่อนอนพักผ่อน และหาทางออกทีหลัง ซึ่งก็ไม่นาน ชัดเจนว่าเข่าของผมจำเป็นต้องไปตรวจเพิ่ม ดังนั้น PSV จึงบอกกับผมว่าไม่เป็นไร กลับมาฮอลแลนด์ก่อน ไปเริ่มต้นกันใหม่

ในระหว่างนั้นผมได้เห็นภาพงานแถลงข่าวที่ผมควรจะได้ไปนั่งเซ็นสัญญา ผมควรจะได้ไปเปิดตัวที่นั่น แต่สิ่งที่มีอยู่เป็นเพียงเก้าอี้เปล่าๆตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เก้าอี้ที่ผมควรจะได้นั่งตรงนั้น มันส่งผลต่อผมจริงๆ

วันต่อมาผมก็บินกลับฮอลแลนด์ และเราตัดสินใจว่าผมควรจะกลับไปฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทันที เมื่อมองย้อนกลับไป มันไม่ใช่ไอเดียที่ดีที่สุด เพราะผลสุดท้ายเข่าผมมันก็ยิ่งแย่ยิ่งกว่าแค่บาดเจ็บเส้นเอ็น เข่าผมพังอย่างสิ้นเชิงตอนที่เข้ากระบวนการฟื้นฟูครั้งแรก เห็นกันจะจะต่อหน้ากล้องของ Sky Sports เลย

ไปหมดเลย ทั้งเอ็นกลาง หมอนรองกระดูก เอ็นไขว้ มันกระทบกันเป็นโดมิโน่ในเข่าของผม เป็นสองสามวันที่แย่สุดๆสำหรับผมจริงๆ!

สัปดาห์แรกหลังจากนั้นก็เจอปัญหาหนักที่บ้านอีก ผมไม่รู้ว่าจะหลุดจากสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี แต่ค่อยเป็นค่อยไปทีละนิด ผมค่อยๆเริ่มรับมือสิ่งต่างๆให้เข้าที่เข้าทางได้ หลังจากสัปดาห์แรกผมก็เริ่มมองหาวิธีการกลับมาให้ได้อีกครั้ง

ต้องทำอะไรบ้าง? ผมต้องผ่าตัด ศัลยแพทย์ที่ไหน? จุดไหน? ฟื้นฟูอะไร กับใคร ที่ไหน? 

ผมพยายามมองหาว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็เริ่มทำมันทันที ผมบินไปอเมริกาเพื่อเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งนักวิจัยบอกผมว่ามีคนเดียวเท่านั้นที่จัดการได้ ต้องไปหา Dr. Richard Steadman ที่ Vail, รัฐ Colorado ซึ่งมันให้ความเป็นส่วนตัวกับผมด้วย เพราะตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับผมมากมาย ทั้งเก้าอี้ว่างตรงนั้น สื่อมวลชนอังกฤษ อาการบาดเจ็บที่ Sky ถ่ายไว้ให้เห็น มันมีนู่นนี่เยอะมาก เพราะงั้นการได้ไปอเมริกา เข้ารับการฟื้นฟู 1-2 อาทิตย์แรกมันจึงเป็นการส่วนตัวและได้รับการพักผ่อนอย่างดี ไม่มีอะไรต้องเครียดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องการมากๆ

Dr. Steadman ผ่าตัดได้สุดยอดมาก รวมถึงขั้นตอนการฟื้นฟูในช่วงแรกด้วย และหลังจากนั้นก็กลับมายัง Eindhoven เพื่อทำสิ่งที่ต้องทำต่อไป

จากจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง ผมพยายามอย่างหนักเพื่อสิ่งๆเดียวเท่านั้น คือ "การได้เป็นนักเตะของยูไนเต็ด"

มันเป็นแรงขับดันที่คงที่ ทุกๆวันในชีวิตผมตื่นมาก็มีสิ่งนี้เป็นแรงขับดัน และผมจะต้องขับไปจบมันที่โอลด์แทรฟฟอร์ดให้ได้

ผมเข้าไปใกล้มากจนจะถึงแล้ว และจำเป็นต้องกลับรถกลับมา ถ้าจะกลับไปอีกครั้งให้ได้ ผมจำเป็นต้องมีเข่าดีๆกลับไปทำภารกิจนี้ ผมจะต้องเชื่อใจผู้คนที่โคโลราโด้ เชื่อใจด็อกเตอร์สตีดมันและลูกทีมของพวกเขาที่ช่วยกันรักษาเข่าผมให้หายดี เชื่อใจทีมกายภาพและผู้คนรอบๆตัวที่มาช่วยฟื้นฟู 

ที่เหลือก็อยู่ที่ผมแล้วที่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้

และผมทำได้ ผมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ผมใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลรักษาเข่าของผม รวมถึงร่างกายของผมในเวลาเดียวกัน เป็นเวลาเกือบปีที่ต้องออกไปเตรียมร่างกาย เพื่อที่จะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง เพื่อที่จะกลับมาอย่างแข็งแกร่ง

เป้าหมายมันเรียบง่ายมากเลย : ไปนั่งที่เก้าอี้ว่างตัวนั้นให้ได้ซะ

กระบวนการนั้นต้องมีการจัดการทำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่รู้เรื่องเป็นอย่างดีเพื่อจะทำให้คุณกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ยังต้องเหลือความเร็วอยู่ ไม่เทอะทะ เราไม่ต้องการจะช้าลงเนื่องจากตัวใหญ่ขึ้นแล้วมันจะทำให้เสียความคล่องแคล่วไป โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้า โปรแกรมฟื้นฟูของผมจึงถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด

ผมออกมาจาก PSV เพื่อที่จะซ้อม เพราะว่ามันยากนะที่จะไปอยู่ในห้องแต่งตัวและทุกคนก็ฟิตสมบูรณ์ ซ้อมกันอย่างมีความสุขได้ตามปกติทุกวัน ผมอยากจะอยู่ในกระบวนการของตัวเองกับนักกายภาพที่ผมไว้วางใจ ซึ่งสุดท้ายมันลงตัวกันอย่างมาก และแน่นอนว่าผมก็สามารถแวะไปหาเพื่อนๆที่ PSV นั่งกินข้าวกับเขาที่สนามซ้อม ดูพวกเขาซ้อมได้ แต่ไม่ใช่ทุกวันเหมือนกับตอนที่คุณฟิตและลงเล่นได้ตามปกติ

ผมออกกำลังกายหลายๆอย่าง ทั้งช่วงบน ขา แกนกลางลำตัว เพราะถ้าคุณแข็งแรง และขาคุณรวดเร็ว ใช้ร่างกายส่วนบนได้ดีเพราะความแข็งแรง มันจะเป็นส่วนผสมที่ดีมาก ผมคิดว่าแนวทางทั้งหมดมันได้รับการตอบแทนแล้ว การฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ผมคิดว่าผมยิงไป 80 ลูกในเวลาสองฤดูกาลแรกกับยูไนเต็ด จากทั้งหมด 150 ลูก ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะช่วงเวลาที่ผมพยายามทำการฟื้นฟูร่างกายกลับมา ผมมีความมั่นใจอย่างมากว่ามันจะต้องออกมาดี เพราะผมรู้สึกดีเยี่ยมตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเลย

ผมมีแรงผลักดันที่พิเศษด้วย เพราะเซอร์อเล็กซ์ติดตามเช็คผมทุกเดือนเลย เขาโทรหาผมทันทีที่มีอาการเจ็บ เขาช่วยปลอบโยนผมได้มากจากข้อความดีๆที่คอยส่งมาให้ตลอด เช่น "เริ่มฟื้นฟูให้เรียบร้อย เดี๋ยวคุณจะได้ย้ายมาเป็นนักเตะแมนยูแน่นอน" และเขาพยายามโทรมาตลอดช่วงเวลาพักฟื้นของผมเลย ผมคิดว่าเขาคงจะมีกำหนดการในคอมพิวเตอร์คอยเตือนขึ้นมาว่าให้โทรหารุด เขาโทรมาแม้กระทั่งโทรศัพท์บ้านและมือถือของผม และก็ไม่ลืมที่จะคอยเช็คว่า 

"คุณเป็นยังไงบ้าง? ไปถึงไหนแล้ว? ต้องการอะไรไหม?"

เราติดต่อกันตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ เพราะนั่นทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราด้วย จริงๆแล้วดีลก็เงียบลงไปตอนที่ผมบาดเจ็บ แต่ว่ามันมีการติดต่อกันตลอดเวลา เขาทำเช่นนั้นอยู่ เพราะงั้นในความรู้สึกผมมันไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย

ผมจำได้ตอนที่เขาโทรหาผมตอนที่เราหันรถกลับ เขาบอกว่า "ดูไว้นะ นายจะต้องได้เป็นนักเตะของยูไนเต็ด"

มันยากนะที่จะเชื่อคำเหล่านี้ในตอนนั้น เพราะคุณรู้สึกว่าเขาคงพยายามจะปลอบใจผมนั่นแหละเพราะผมผิดหวังไง คุณรู้ดีว่าโลกฟุตบอลเป็นยังไง

มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะที่ได้ฟังเขาพูดแบบนั้น แต่ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วเราติดต่อกันตลอด และผมรู้ดีว่าถ้าผมกลับไปดีเหมือนเดิมไม่ได้ ยูไนเต็ดก็คงจะไม่เซ็นกับผม ทุกคนก็รู้ดี แต่เมื่อคุณได้รับความเชื่อมั่นและศรัทธาจากบอสที่มีในตัวคุณ ความเชื่อของคุณมันจะเข้มแข็งขึ้นทันทีเพราะสิ่งนั้น มันช่วยผมมากๆ

เขายังไม่ใช่ผู้จัดการของผม แต่ตอนนั้นเขาเป็นแล้ว

ผมได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก PSV ด้วย และผมดีใจที่สุดท้ายก็กลับมาได้จริงๆก่อนช่วงสุดท้ายของฤดูกาล 2000/01 คุณทำการฟื้นฟูทั้งหมดในทุกขั้นตอน ทีละสเต็ป แต่คุณจะไม่รู้เลยว่าจะหายดีตอนไหน กระทั่งได้กลับไปลงสนามอีกครั้ง มันยังไม่มีอะไรมั่นใจเลยจนกว่าจะได้กลับไปลงเล่นกับทีม แต่ว่าผลที่ออกมามันยอดเยี่ยมมาก พวกเขาอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลา ส่งผมลงเล่นในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของซีซั่นนั้น และเราคว้าแชมป์ลีก

การย้ายออกมาพร้อมแชมป์ลีกนั้นเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับผม พวกเคราฉลองกันบนรถบัสเปิดประทุนไปรอบๆไอน์โฮเฟ่น ผมได้ร่ำลากับแฟนๆและสโมสรอย่างดี ก่อนที่ผมจะบินกลับไปแมนเชสเตอร์อีกครั้งเพื่อจะปิดจ็อบการย้ายทีมให้สำเร็จในครั้งที่สองนี้

แน่นอนครับว่าผมตื่นเต้นมากๆ มันคือปี 2001 ซึ่งสองปีก่อนแมนยูไนเต็ดเพิ่งเอาชนะบาเยิร์นมิวนิค และคว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ และพวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกมาสามปีติดกันแล้วด้วย พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลกในตอนนั้น เพราะงั้นจู่ๆผมก็ได้ไปอยู่ในสนามซ้อมร่วมกับนักเตะระดับโลก 10 หรือ 15 คนในสนาม เป็นสุดยอดพรสวรรค์อย่างแท้จริง ผมจะได้ลงเล่นกับนักเตะที่ทำให้การเล่นฟุตบอลเป็นความสนุกสนานขั้นสุดยอด ผมแทบจะรอไม่ไหวว่าระดับที่ว่านั้นมันเป็นยังไงกันแน่

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกๆนะที่ต้องเข้ากระบวนการเดียวกับที่ทำไปแล้วเมื่อปีก่อน ครั้งนี้อาจเพราะว่าสื่อก็ให้ความสนใจในการย้ายทีม, ผมไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อเจอกับศัลยแพทย์คนที่โทรมาหาเมื่อปีก่อน คราวนี้ผมไปหาเค้าที่บ้าน มันมีความกดดันเกิดขึ้นระหว่างเราสองฝ่ายนะ สำหรับผมถึงแม้ว่าเข่าจะหายแล้วก็ตาม มันเป็นเหตุการณ์สำคัญมากๆ ส่วนสำหรับเขาแล้วนั้น มีชายคนนึงที่เคยมาเช็คเมื่อปีก่อน กลับมายืนตรงหน้าอีกครั้งเพื่อเช็คอีกรอบ เขาต้องทำหน้าที่นั้น มันกลายเป็นเรื่องขำๆกัน เพราะเขาพูดว่า "เดินดีๆ ระวังพรมเช็ดเท้า อย่าลื่นนะ! อย่ามาเจ็บเอาที่นี่นะ!"

และแล้วมันก็เป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้น เมื่อเขาพูดว่าเขาเช็คสแกนซ้ำแล้วว่ามันดูดีมาก ไม่มีอะไรเขยื้อนเลย คุยกันเรื่องเข่าโดยทุกอย่างเรียบร้อยเป็นอย่างดีตามที่คาดหวังไว้

ก่อนลาเขาก็บอกว่า "มันหายแล้วแหละ ไปเซ็นสัญญาได้เลย"

สำหรับผมตอนนั้นมันเป็นโมเมนต์ที่ผมได้รู้ว่าทุกอย่างมันโอเคแล้วจริงๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมพยายามทำจนสำเร็จ ผมรู้สึกอิสระและได้มาเซ็นสัญญากับยูไนเต็ดในที่สุด ผมอยู่ในรถโดยที่ไม่ต้องรอโทรศัพท์จากเขาอีกแล้ว เพราะงั้นรอบนั้นจึงเป็นการขับรถไปโอลด์แทรฟฟอร์ดอย่างปกติสุข

การเดินทางครั้งนั้นจะได้ปิดจ็อบกันสักที

-รุด ฟาน นิสเตลรอย-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-unscripted-ruud-van-nistelrooy-22-april-2021


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด