:::     :::

ขออีกสมัย...เรือใบยืนหนึ่ง

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
622
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนฯ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นสโมสรที่ 5 ในรอบ 135 ปีของฟุตบอลลีกอังกฤษที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 3 สมัยติดต่อกัน

สำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มันหมายถึงการที่เข้าร่วมรายชื่อผู้จัดการทีมสุดพิเศษในการรังสรรค์แชมป์ 3 สมัยติดเช่นเดียงกับที่ตำนานอย่าง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน, บ็อบ เพรสลี่ย์ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำได้

แม้ว่าฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกจะเป็นความตื่นเต้นอยู่เสมอ แต่ฟุตบอลลีกก็ยังถือเป็นความท้าทายขั้นสุดอยู่ดี

การเป็นทีมอันดับหนึ่งจาก 38 หรือ 42 นัดนั้นพิเศษมาก และการทำซ้ำได้อีกแบบคงเส้นคงวาตลอด 114 หรือ 126 นัดนั้นต้องบอกว่าสุดยอด


น่าสนใจว่าฤดูกาลหน้า กวาร์ดิโอล่า และ เรือใบ จะสามารถยืนหยัดขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในฟุตบอลลีกที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกได้หรือไม่ เพราะไม่เคยมีใครกวาดแชมป์ 4 สมัยติดมาก่อน


ฮัดเดอร์สฟิลด์ (1924 ถึง 1926)

กุนซือ : เฮอร์เบิร์ต แชปแมน, เซซิล พ็อตเตอร์

ผู้เล่นสำคัญ : จอร์จ 'บอมเบอร์' บราวน์, บิลลี่ สมิธ, เคลม สตีเฟนสัน

เดิมที ฮัดเดอร์สฟิลด์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องรักบี้ จนกระทั่ง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เปิดประตูเข้ามาในปี 1921

'บิดาแห่งการจัดการ' คือวิธีที่ แพทริก บาร์เคลย์ ผู้เขียวชีวประวัติอธิบายถึงลูกชายของคนเหมืองจากคีฟตัน พาร์ค ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลอังกฤษ

แชปแมน เป็นผู้ริเริ่มทั้งในและนอกสนาม เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าการไม่เสียประตูมีความสำคัญพอๆ กับการทำประตู และปรับแผน 2-3-5 แบบดั้งเดิมเพื่อเพิ่มเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวที่สาม

เขาได้นำความเป็นมืออาชีพใหม่ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งหลายทศวรรษต่อมา จอร์จ เกรแฮม ได้ศึกษาวิธีการของเขา และทั้งคู่ก็มองเห็นและลงทุนในพรสวรรค์ โดยมีความไม่เชื่อใจเกิดขึ้นเมื่อเขาใช้เงิน 4,000 ปอนด์ไปกับผู้เล่นคนเดียว คือ เคลม สตีเฟนสัน แต่กองหน้ารายนี้ก็เป็นกัปตันที่มีอิทธิพลของเขา

"ผมไม่ต้องการให้คุณวิ่ง ผมต้องการให้คุณจ่ายบอล" นั่นเป็นคำสั่งของผู้จัดการทีมที่บอกกับคนของเขาในสนาม

ในฤดูกาล 1923-24 ฮัดเดอร์สฟิลด์ กลายเป็นแชมป์ครั้งแรก โดยแซงหน้า คาร์ดิฟฟ์ ด้วยค่าเฉลี่ยการทำประตู

พวกเขาเอาชนะ ฟอเรสต์ 3-0 ในเกมสุดท้าย แต่ฝูงชนก็ไม่ออกไปไหนจนกว่าจะได้ข่าวจากเกมที่ คาร์ดิฟฟ์ พบ เบอร์มิงแฮม ซึ่ง แชปแมน ก็มีโทรศัพท์ติดหูอยู่ในออฟฟิศ และเมื่อการแข่งขันจบลงที่สกอร์ 0-0 เขาระเบิดประตูออกมาพร้อมตะโกนว่า "เราชนะโว๊ย"

ซีซั่น 1924-25 ฮัดเดอร์สฟิลด์ จบด้วยการมี 2 แต้มเหนือกว่า เวสต์บรอมวิช แต่ แชปแมน ลาออกเพื่อย้ายไป อาร์เซน่อล โดยมองเห็นถึงศักยภาพของสโมสรที่ประสบความสำเร็จในลอนดอน

แฟน เดอะ เทอร์เรียร์ส มีความกังวลใจตอนที่ เซซิล พ็อตเตอร์ มือขวาของเขาเข้ามารับตำแหน่งกุนซือแทน และการเปลี่ยนแปลงก็ราบรื่นด้วยดี โดย จอร์จ 'บอมเบอร์' บราวน์ ทำไป 35 ประตู

"เฮอร์เบิร์ต สร้างรากฐานได้ดีมาก สโมสรไม่พังลงหลังการจากไปของเขา" บาร์เคลย์ กล่าว

สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับ อาร์เซน่อล ในทศวรรษต่อมา



อาร์เซน่อล (1933 ถึง 1935)

กุนซือ : เฮอร์เบิร์ต แชปแมน, โจ ชอว์, จอร์จ อัลลิสัน

ผู้เล่นสำคัญ : คลิฟฟ์ บาสติน, เท็ด เดร๊ค, เดวิด แจ็ค, อเล็กซ์ เจมส์

"เขาเห็นสถานีรถไฟใต้ดินที่นำฝูงชนมาที่สนาม และวิสัยทัศน์ในการสร้างซูเปอร์ทีมแรก" แพทริก บาร์เคลย์ ผู้เขียนกล่าวถึงการตัดสินใใจของ แชปแมน ในการย้ายมา อาร์เซน่อล และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

ไม่มีมแดนใต้จากเบอร์มิงแฮมที่เคยเป็นแชมป์จนกระทั่ง แชปแมน นำ อาร์เซน่อล คว้าถ้วยรางวัลในปี 1931 อีก 2 ปีถัดมา พวกเขาก็คว้าแชมป์อีกครั้ง ซึ่งเป็นปีจุดประกายของแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน

เขามีผู้เล่นโด่งดังมากกว่าตอนอยู่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ รวมถึงตัวทีมชาติอย่าง คลิฟฟ์ บาสติน, อเล็กซ์ เจมส์, เอ็ดดี้ ฮาพกู้ด, โจ ฮูล์ม และ เดวิด แจ็ค แต่สิ่งที่ทำให้ อาร์เซน่อล โดดเด่นคือความสามารถของผู้จัดการทีมในการคิดต่าง

เขาแนะนำแขนเสื้อสีขาวกับชุดสีแดงของ อาร์เซน่อล เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเห็นตัวตนของกันและกันเพื่อผ่านบอลได้ไวขึ้น เขายังบอกให้สถานีรถไฟใต้ดินจิลเลสพี โร้ด เปลี่ยนชื่อเป็น อาร์เซน่อล ด้วย

น่าเศร้าที่ความทุ่มเทของ แชปแมน ทำให้เขาเสียชีวิตในเดือนมกราคม ปี 2477 ขณะที่เขามีอายุเพียง 55 ปี เท่านั้น เมื่อเขาตรวจพบโรคปอดบวมขณะเฝ้าดูทีมเยาวชน

วันนั้น อาร์เซน่อล เสมอกับ เชฟฯ เว้นส์เดย์ 1-1 ซึ่ง ฮูล์ม เห็นเพียงข่าวบนบิลบอร์ดนอกไฮบิวรี่

เป็นอีกครั้งที่ทักษะการจัดการของ แชปแมน ช่วยสโมสรของเขาเป็นอย่างดี หลังจากที่เขาจากไป โจ ชอว์ ก็เข้ามาคุมทีมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 2 จากนั้น จอร์จ อัลลิสัน ก็มาทำให้มันเป็นแฮตทริกได้สำเร็จ โดย เดร๊ค ทำไป 42 ประตู

รูปปั้นครึ่งตัวของ แชปแมน ตั้งตระหง่านอยู่ในโถงหินอ่อนของไฮบิวรี่ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความขอบคุณ และความเคารพ



ลิเวอร์พูล (1982 ถึง 1984)

กุนซือ : บ็อบ เพรสลี่ย์, โจ ฟาแกน

ผู้เล่นสำคัญ : เคนนี่ ดัลกลิช, อลัน แฮนเซ่น, เอียน รัช, แกรม ซูเนสส์

แม้ ลิเวอร์พูล จะมีชื่อเสียงโด่งดังในยุโรป แต่ข้อความก่อนเริ่มทุกฤดูกาลก็ชัดเจนว่า "การคว้าแชมป์จากการเล่น 42 เกมถือเป็นจุดสุดยอดเสมอ" แซมมี่ ลี เผย

กองหน้าชาวสกอตแลนด์ของ ลิเวอร์พูล อย่าง ดัลกลิช, แฮนเซ่น และ ซูเนสส์ อยู่ในจุดสูงสุดของพวกเขา มาร์ค ลอว์รนสัน สร้างความร่วมมือในแนวรับที่ยอดเยี่ยมกับ แฮนเซ่น ขณะที่ เอียน รัช ก็ประสานงานกับ ดัลกลิช ในแนวรุก

เพลสลี่ย์ เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวเมื่อเทียบกับ บิล แชงคลี่ย์ กุนซือคนก่อนหน้าเขา แต่ก็เลือก ซูเนสส์ ให้เป็นกัปตันทีม "ผมอยู่ในวัยที่เหมาะสม และพร้อมที่จะเสนอความเห็น" มิดฟิลด์ตัวโหดกล่าว

ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 10 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1981 แต่พวกเขาก็กลืนคู่แข่ง และจบด้วยการมี 4 แต้มเหนือ อิปสวิช ของ บ็อบบี้ ร็อบสัน


รัช ทำไป 24 ประตูให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ในฤดูกาล 1982-83 ด้วยแต้มทิ้งห่าง 11 คะแนน แต่ก็มีเครื่องหมายคำถาม เมื่อ เพรสลี่ย์ ลาออกจากตำแหน่งในซัมเมอร์นั้น โดยผู้ช่วยอย่าง โจ ฟาแกน เข้ามาแทน

"ลิเวอร์พูล มีความแข็งแกร่งอย่างมากในบู้ทรูม" ลี อธิบาย "เราเปลี่ยนจาก บิล แชงคลี่ย์ เป็น บ็อบ และก็เป็น โจ โดยไม่มีความวุ่นวายมากเท่าที่คุณกลัว"

สโมสรคว้าแชมป์ในปี 1983-84 และกลายเป็นทีมแรกที่ทำแฮตทริกแชมป์ในรอบเกือบ 50 ปี นอกจากนี้มันยังเป็นตัวแทนของการสิ้นสุดยุค หลัง ซูเนสส์ ออกจากสโมสรเพื่อย้ายไป ซามพ์โดเรีย


แมนฯ ยูไนเต็ด (1999 ถึง 2001)

กุนซือ : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ผู้เล่นสำคัญ : เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, รอย คีน, พอล สโคลส์

นี่น่าทึ่งคือหลังจาก ยูไนเต็ด คว้าเทรเบิลแชมป์ได้ในปี 1999 พวกเขาก็ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าแม้จะเสีย ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ไปก็ตาม

หลังจากจบเหนือ อาร์เซน่อล หนึ่งแต้มเดียวในวันสุดท้ายของฤดูกาล 1998-99 พวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลถัดมาแบบทิ้งห่าง 18 คะแนน จากนั้นก็ทำแฮตทริกด้วยคะแนนทิ้งห่าง 10 แต้ม

คลาส ออฟ '92 อย่าง แกรี่ และ ฟิล เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์ และ พอล สโคลส์ ยังค่อนข้างขาดประสบการณ์ในตอนที่ ยูไนเต็ด เดินหน้ากวาดแชมป์ในปี 99 แต่ในช่วงเวลาแห่งสหัสวรรษใหม่ พวกเขาก็ยังไม่มีใครมาหยุดได้

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังสามารถสร้างการผสมผสานระหว่าง เบ็คแฮม, คีน, สโคลส์ และ กิ๊กส์ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นลูกครอส, ลูกแท็คเกิ้ล, ลูกจ่ายบอล และเลี้ยงบอล

"กลุ่มกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในฟุตบอล" แกรี่ เนวิลล์ กล่าว "พวกเขาออกจากโลกนี้ในฐานะหน่วยหนึ่งเพราะคุณภาพในการครองบอล และอัตราการทำงานของพวก"

มันทำให้เกิดคำถามว่า ยูไนเต็ด จะได้กี่คะแนนในปี 1999-2000 หากพวกเขาไม่ได้หาตัวแทนของ ชไมเคิ่ล อย่างเหมาะสม

ฤดูกาลนั้น มาร์ค บอสนิช และ ไรม่อน ฟาน เดอ ฮาว ผลัดกันเป็นมือหนึ่ง พร้อมกับหายนะจาก มัสซิโม่ ตาอิบี้ แต่ ยูไนเต็ด ก็ยังเก็บได้ 91 แต้ม จากนั้น ฟาเบียง บาร์กเตซ นายทวารแชมป์โลกก็ถูกนำเข้ามาในซีซั่นต่อไป

ฟุตบอลของ ยูไนเต็ด น่าทึ่งบางเกมในช่วงเวลานี้ด้วยระบบ 4-4-2  ของ เฟอร์กี้ ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดย เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ ดไวท์ ยอร์ค สามารถลงมาต่ำได้ กิ๊กส์ และ เบ็คแฮม เล่นด้านข้าง และฟูลแบ็กเป็น แกรี่ เนวิลล์ และ เดนิส เออร์วิน

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2001 ยูไนเต็ด เอาชนะผู้ท้าชิงที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง อาร์เซน่อล 6-1 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดย ยอร์ค ทำแฮตทริกได้ นั่นเป็นวิธีที่เหนือกว่าของพวกเขา


แมนฯ ยูไนเต็ด (2007 ถึง 2009)

กุนซือ : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ผู้เล่นสำคัญ : ริโอ เฟอร์ดินานด์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

ในขณะที่เทรเบิลแชมป์ชุดแรกของ เฟอร์กี้ ที่สร้างขึ้นโดยมีกองกลางที่น่าเกรงขาม ทีมที่สองของเขาก็โดดเด่นด้วยเหล่าตัวรุก

ในช่วงเวลาหนึ่ง สามกองหน้าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์ และ คาร์ลอส เตเวซ คือผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก และในซัมเมอร์ปี 2008 พวกเขาก็ถูกเพิ่มเข้ามาโดย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จาก สเปอร์ส

มันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายทีมเทรเบิลแชมป์ โดย รอย คีน ถูกบีบให้ออกจากทีมในสถานการณ์สุดดราม่า และกองหน้าอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ย้ายออกไป ขณะที่ เฟอร์กูสัน เลือกสร้างทีมใหม่โดยมี เฟอร์ดินานด์-วิดิช เป็นแกนหลักในแนวรับ และไหวพริบของ โรนัลโด้ และ รูนี่ย์

การคว้าแชมป์ของ ยูไนเต็ด ในปี 2006-07 ตามมาด้วย 2 ปี ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุม เชลซี และในฤดูกาลต่อมา ทีมใหม่ของ เฟอร์กี้ ก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ลีก

โรนัลโด้ ทำไป 42 ประตู และคว้ารางวัลบัลลงดอร์ "ผมมีนักเตะระดับโลก 4 คนในช่วงเวลาของผมที่ ยูไนเต็ด - คันโตน่า, กิ๊กส์, โรนัลโด้ และ สโคลส์" เฟอร์กูสัน กล่าว "และในจำนวนนั้น คริสเตียโน่ เป็นเครื่องประดับบนยอดต้นคริสต์มาส"

โรนัลโด้ ต้องการออกจาก ยูไนเต็ด เพื่อไป เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ ปี 2008 เฟอร์กูสัน ทำลายโอกาสนั้นโดยอ้างว่าเขาจะไม่ขายไวรัสให้พวกเขา แต่โดยส่วนตัวแล้วพวกเขามีการตกลงที่จะปล่อยตัวเขาออกไปในอีก 12 เดือนต่อมา

ดังนั้นในปี 2008-09 จะเห็นว่า ผีแดง เป็นทีมที่มีเกมรุกโดดเด่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะเป็นกองหน้าที่ยังเด็กมาก และบางคนก็ไม่มีใครรู้จัก ซึ่งพิสูจน์ว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน

เฟเดริโก้ มาเคด้า วัย 17 ปี ทำประตูชัยในเกมชนะ แอสตัน วิลล่า และ ซันเดอร์แลนด์ เพื่อให้ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลแบบมีคะแนนเหนือ ลิเวอร์พูล 4 แต้ม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด