ช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้วมันเป็น จอห์น สโตนส์ ที่เปลี่นมาอยู่ตรงพื้นที่มิดฟิลด์ ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของการก้าวไปสู่เทรเบิลแชมป์ แต่ สโตนส์ กลับมาซีซั่นที่เผชิญอาการบาดเจ็บ และ ซิตี้ ทิ้งรูปแบบนั้นไปเป็นส่วนใหญ่เมื่อเขาไม่อยู่
แต่ กวาร์ดิโอล่า ก็มักจะค้นพบวิธีใหม่ๆ ที่จะก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ในบางครั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้รับคำสั่งให้ปักหลักเป็นตัวสูงและอยู่ติดริมเส้นมากกว่าเดิม และช่วง 7 วันที่ผ่านมานี้ก็ได้มีการนำมาซึ่งการปรับแต่ง 2-3 อย่างที่อาจบ่งบอกได้ว่า กวาร์ดิโอล่า กำลังก้าวไปสู่นวัตกรรมใหม่
ย้อนกลับไปในเกมที่ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ซิตี้ เล่นแบบไม่มีปีกซ้ายที่ปักหลัก โดย ฟิล โฟเด้น อาจมีชื่อในแผนผังตรงนั้น แต่ในเกมเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตรงกลาง และจบลงด้วยการทำแฮตทริกที่ 2 ในอาชีพของเขา พื้นที่ริมเส้นมีเพียง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ขึ้นลงอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว
และในเกมเมื่อวันเสาร์ การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งได้พิสูจน์ว่ามันเป็นงานที่ยุ่งยากเกินไปในการเผชิญหน้ากับ เอฟเวอร์ตัน มานูเอล อคานจี ถูกวางในตำแหน่งแบ็กซ้ายในเกมคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บของเขา และ สโตนส์ ก็ประจำการตรงแบ็กขวา แน่นอนว่า เรือใบ เชี่ยวชาญในการที่กองหลังคนหนึ่งจะกระโดดขึ้นไปยืนเคียงข้าง โรดรี้ เอร์นานเดซ ในขณะที่ครองบอล แต่ในเกมนั้น กวาร์ดิโอล่า ร้องขอให้ฟูลแบ็กสองคนของเขาขึ้นสูงไปยืนตรงนั้นพร้อมกันเลย ซึ่งมันหายากมาก
การทดลองนั้นเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ใน 15 นาทีแรก ก่อนที่ อคานจี และเซนเตอร์แบ็กอย่าง นาธาน อาเก้ จะสลับตำแหน่งกัน แต่มันก็ชี้ให้เห็นถึงความเต็มใจของ กวาร์ดิโอล่า ที่จะทดลองไอเดียใหม่ๆ นอกเหนือจากองค์ประกอบของความประหลาดใจในฤดูกาลที่แล้ว มันยังช่วยให้ผู้เล่นของเขามีส่วนร่วมและมีสิ่งที่ต้องคิดอีกด้วย
"เราพยายามแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผลสำหรับวิธีที่ เอฟเวอร์ตัน เล่นเกมรับ" กวาร์ดิโอล่า กล่าว
"มานู (อคานจี) รู้สึกไม่สะดวกสบาย ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนโครงสร้างของเรา"
ซิตี้ คาดไว้แล้วว่าทีมของ ฌอน ไดช์ จะมีแนวรับถึง 5 คน ไม่ใช่ 4 คนที่ขึ้นมาตามแผน มีความไม่แน่นอนบางอย่างเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อคานจี ว่าเมื่อไหร่และตรงไหนซึ่งทำให้เกิดปัญหาเรื่องการครองบอล"
"ระบบเปลี่ยนไปเมื่อครองบอล ทุกคนสามารถเล่นตำแหน่งไหนก็ได้" อาเก้ กล่าว
อาเก้ ตอกย้ำว่าทำไม เรือใบ ถึงรู้สึกมั่นใจในการเพิ่มถ้วยแชมป์ในฤดูกาลนี้ สมองของ กวาร์ดิโอล่า ไม่หยุดทำงาน และเขาก็ได้รับประโยชน์จากผู้เล่นจำนวนมากที่ดูเหมือนว่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับคำสั่งทางแท็คติกต่างๆ ได้ในทันที
มันนำไปสู่ระบบกองหลัง 2 คน และอีก 3 คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเวลาที่ทีมครองบอล ซิตี้ ต้องการความปลอดภัยด้วยสถิติเกมรับของพวกเขาซึ่งไม่ได้อยู่ในระดับที่ปกติ
นี่เป็นเพียงคลีนชีตที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก จาก 13 นัด แต่ก็ยังมีข้อเสนอแนะว่าระบบใหม่ที่มีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยอาจเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง
"มานู เจอปัญหาจากการขาดจังหวะ และ จอห์น ก็เช่นกัน" กวาร์ดิโอล่า กล่าว
"เมื่อพวกเขาโยกมาเล่นตัวในเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาทำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้มันไม่ได้ไหลลื่น"
"ทำไมน่ะเหรอ? มันเป็นเพราะคุณผ่านอาการบาดเจ็บมา และหลังจากนั้นก็ไม่มีจังหวะที่พวกเขาต้องการ แต่พวกเขาก็ยังคงพร้อมแข่งขัน"
"เราชนะทุกเกม เมื่อเราต้องการมันมากแค่ไหนมันก็จะเป็นปัญหาสำหรับคู่แข่ง"
เอฟเวอร์ตัน ดูเล่นได้อย่างสบายในการรับมือ ซิตี้ โดย เจมส์ การ์เนอร์ และ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ เกือบจะสมบูรณ์แบบในการจัดการกับพื้นที่ที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการให้กองหลังของเขาใช้ประโยชน์ แต่จากนั้น เควิน เดอ บรอยน์ ก็ลงสนามมา และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ทำหน้าที่ของเขา
"เราเสียลูกเตะมุมอย่างน่าสงสัย" เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ กองหลัง เอฟเวอร์ตัน กล่าว
"เป็นอีกครั้งที่การตัดสินอยู่ตรงข้ามเรา แต่เราทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น"
"คุณไปคุยกับผู้ตัดสินและมันก็แบบว่า 'เราจะลองดู' ตอนนี้มันดูไม่ดีเลยใช่ไหมล่ะ? ราต้องการให้คุณดูมันในสนามเลย และทำให้มันถูกต้อง พวกเขาบอกว่าเราขอโทษสำหรับสิ่งนั้น เราขอโทษกับเรื่องนั้น แต่มันไม่พอหรอก"
"ผมไม่คิดว่าพวกเขา (ซิตี้) สร้างสรรค์อะไรได้มากมายเลย ผมไม่รู้สึกว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากมาย"
"ไม่ต้องห่วงพวกเรา เราพร้อมที่จะลุยต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นฤดูกาลที่ดี ผมไม่ได้ผิดหวัง เรากำลังทำได้ดี"
แม้ว่า ทาร์คอฟสกี้ จะมองโลกแง่ดีในตอนนี้ แต่ ทอฟฟี่ ของเขาก็ผ่าน 7 เกมโดยไม่ชนะใครเลย
