:::     :::

"สนิทป๋า เป็นนักวิ่ง ติ่งก็องโต้" สัมภาษณ์เซอร์จิม (ภาคจบ)

วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
809
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทสัมภาษณ์ใหญ่ของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ในภาคจบ ที่จะทำให้คุณได้รู้ว่า เซอร์จิมกับป๋าสนิทและรู้จักกันดี, มีก็องโต้เป็นนักเตะที่พิเศษที่สุด, ประสบการณ์ในคืนสามแชมป์ที่คัมป์นู ซึ่งเขาอยู่ในสนามในคืนนั้น รวมถึงหลักปรัชญาของ INEOS ที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับแมนยูได้ และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่แฟนผีควรรู้เกี่ยวกับเจ้าของร่วมคนใหม่รายนี้ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะพาเรากลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง

ต่อจากบทสัมภาษณ์เดิมก่อนหน้านี้จากบทความแรก https://www.thsport.live/column-8157.html ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่เซอร์จิมได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้กับสื่อของทางสโมสรเกี่ยวกับมุมมอง ความผูกพันกับแมนยูในฐานะแฟนบอยมาตั้งแต่เด็ก อยู่จนถึงคืนที่ได้สามแชมป์ก็เป็นหนึ่งในแฟนแมนยูที่สนามคัมป์นูในคืนนั้น

เซอร์จิมรู้จักนักเตะแมนยูไนเต็ดอย่างดี และรู้ว่าผู้เล่นแบบไหนสำคัญสำหรับที่นี่ ตั้งแต่ยุคบ็อบบี้ ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ นักเตะเหล่านี้เหมือนร่ายเวทมนตร์

แต่ไม่มีใครจะสร้าง impact ได้เท่ากับ Eric Cantona อีกแล้ว ในความรู้สึกของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์

"มีนักเตะอยู่บางประเภทเวลาที่เขาได้บอลคุณจะตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ซึ่งมันอาจจะเป็นช็อตที่มหัศจรรย์ได้ เอริค(คันโตน่า) คือหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น"

"เขาสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"

"พวกเขาไม่ได้คว้าแชมป์ลีกมา 25 หรือ 26 ปีก่อนที่เอริคจะเข้ามา และหลังจากที่เขาเข้ามาถึง มันก็กลายเป็นพลังงานที่กระตุ้นทีมไปได้อีก 25 ปีข้างหน้า"

เซอร์จิมเผยอีกว่าเขาเตรียมที่จะได้เจอกับเดอะคิงในเร็วๆนี้ ยังไม่ได้ยืนยันว่าที่ไหนเมื่อไหร่ และจะคุยกันเรื่องอะไร

"เรานัดจะไปทานข้าวด้วยกัน มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก เขารู้จักกับ Jean-Claude (Blanc) ดีอยู่แล้ว ผมเลยตื่นเต้นมาก เขาเป็นคนค่อนข้างมีบุคลิกชัดเจน ผมคิดว่าสิ่งสำคัญของแมนยูไนเต็ดส่วนหนึ่งคือเรามักจะมีอะไรที่มีเสน่ห์แบบนี้อยู่เสมอ เอริคมีเสน่ห์ตรงนั้น"

"เขาอินดี้หน่อยๆ เดวิด เบ็คแคมก็ใช่ บ็อบบี้ ชาร์ลตันก็เหมือนกัน สโมสรเราจะมีอะไรที่น่าสนใจแบบนี้เสมอ ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมแบรนด์สโมสรเราถึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก"

เจ้าของร่วมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรายนี้ยังยกย่องเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และยกย่องเขาเป็นโค้ชที่โดดเด่นที่สุดในโลก หลังจากที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทีมงานในสโมสร

"มันน่าทึ่งมากนับตั้งแต่ก้าวเข้ามา พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดี ผู้คนที่นี่มีลักษณะแบบแมนเชสเตอร์ แบบแลงคาสเตรียนจริงๆ ทุกคนเฟรนด์ลี่มาก ผมอาจจะคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ไม่ มันเป็นการเดินทางมาที่น่าสนใจมากๆ"

และหนึ่งคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งเซอร์จิมรู้จักกันอยู่แล้ว คือ เซอร์อเล็กซ์

ในการสัมภาษณ์เมื่อหลายปีที่แล้ว เขาเอ่ยชื่ออดีตผู้จัดการทีมปีศาจแดงรายนี้มาเป็นผู้ร่วมดินเนอร์ในฝันที่อยากไปทานข้าวด้วย หลังจากนั้นมาเขาก็ได้รู้จักกับตำนานของแมนยูเราคนนี้ เมื่อนึกถึงรายชื่อต่างๆที่จินตนาการไว้ เซอร์จิมก็หัวเราะออกมา

"ผมพยายามนึกอยู่ น่าจะมี พลเรือโทโฮราชิโอ เนลสัน แล้วก็ เนลสัน แมนเดล่า ทั้งสองคนนี้ ผมจำได้เพราะว่ามีคำว่าเนลสันในชื่อแน่ๆ อ้อแล้วผมก็ระบุชื่อ วินสตัน เชอร์ชิล ด้วย"

"ผมได้พบปะกับเซอร์อเล็กซ์ 2-3 ครั้งตั้งแต่คริสต์มาส ก็ถือว่าผมรู้จักเขาบ้างเล็กน้อย เขาเป็นโค้ชที่โด่งดังมากที่สุดของโลก และเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาสร้างประวัติศาสตร์ให้แมนยูมาตลอด 27 ปีที่เขาทำงาน และก็เป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของเขา"

นอกจากเรื่องฟุตบอลแล้ว เซอร์อเล็กซ์ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องม้าแข่ง ไวน์ และเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าบ้านที่ใจดี

ส่วนเซอร์จิม เป็นนักวิ่งมาราธอน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ปั่นจักรยานทางไกลในวัย 60 พิชิตขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้, เซอร์จิมเป็นโต้โผใหญ่ในการจัดงานที่สร้างประวัติศาสตร์เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่นักวิ่งมาราธอนทั่วโลกจำกันได้ดีในงาน INEOS 1:59 Challenge ซึ่งเชื่อมั่นและทำให้ Kipchoge วิ่งทำลายกำแพง2ชั่วโมงของมนุษย์ในการจบมาราธอน 42.195กิโลเมตรได้สำเร็จ

ความที่สนิทและนัดเจอกันบ้างนั้น เซอร์จิมยอมรับว่าในการเจอกันครั้งล่าสุดเขาไม่ได้ชนแก้วกันกับป๋า

"ผมเจอเขาเมื่อวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ผมจะไม่ดื่มพอดีในทุกๆจันทร์ ถึงจะมั่นใจว่าเขามีขวดดีๆมาแน่ เขารู้จักไวน์ของเขาอย่างดีมากๆผมต้องพูดแบบนั้น"

เซอร์จิมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เขาจะไม่มีวันลืมประสบการณ์อันน่าทึ่งในคืนที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1999 ที่สนามคัมป์นู ซึ่งคืนนั้นเจ้าตัวอยู่ที่สนามด้วย และได้เห็นเซอร์อเล็กซ์พาทีมคว้าสามแชมป์กับตาด้วยการยิงช่วงทดเวลาเจ็บแบบโคตรดราม่าจากประตูของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แซงชนะบาเยิร์นที่นำมาตลอดทั้งเกม

โดยเซอร์จิมเข้าไปชมเกมนั้นพร้อมกับลูกชาย เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดสำหรับแฟนปีศาจแดง และยังเป็นแชมป์แรกสุดนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่แมนยูไนเต็ดคว้าแชมป์ยุโรปในปี 1968 สมัยเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตันนั่นเอง

"บรรยากาศมันสุดๆ สามนาทีสุดท้ายนั้น คือยูไนเต็ดไม่ได้เล่นดีมาตลอดเวลาในช่วง90นาที แล้วถ้าจำได้พวกเขาขาดสองสุดยอดนักเตะในสนาม พวกเขาไม่มี พอล สโคลส์ กับ รอย คีน ลงเล่นรอบชิง (ติดโทษแบนทั้งคู่) มันก็เหมือนกับซิตี้ต้องลงสนามโดยไม่มี เควิน เดอบรอยน์ และ ฮาลันด์ แบบนั้น ทีมจะดรอปลงทันทีเวลาขาดนักเตะเหล่านี้ แมนยูไนเต็ดชุดนั้นก็เหมือนกัน"

"แต่คุณต้องนับถือยูไนเต็ดเลย พวกเขาสู้ สู้ แล้วก็สู้ตลอดทั้งเกม สุดท้ายแล้วมันก็สำเร็จในช่วงสามนาทีสุดท้าย"

"นั่นคือหนึ่งในโมเมนต์สำคัญในชีวิต แน่นอนผมไม่เคยลืมอยู่แล้ว เป็นเหตุการณ์พิเศษสุดจริงๆ แต่นั่นแหละคือฟุตบอล ถูกไหม"

"ไม่มีใครคาดเดาได้ ช่วงเวลาพิเศษที่เกิดขึ้นไม่บ่อยเหล่านั้นมันจะติดตรึงในใจไม่รู้ลืม และผมก็พาลูกชายคนเล็กที่เป็นแฟนฟุตบอลไปด้วย แฟนแมนยูเหมือนกัน แล้วเขาเพิ่งจะ 11 ขวบ"

"ที่ INEOS เรามีสามคำที่ใช้อยู่ซึ่งบ่งบอกถึง INEOS ได้เป็นอย่างดี สามคำนั้นก็คือ ความทรหด, ความเข้มงวด และมีอารมณ์ที่สนุกสนาน ผมคิดว่าหลายๆส่วนนั้นประยุกต์กับเรื่องฟุตบอลได้ โดยเฉพาะความทรหดอดทน คุณต้องมี และคุณก็เห็นสิ่งนั้นที่บาร์เซโลน่าในปี 1999 คุณรู้ พวกเขาไม่ยอมแพ้จนถึงนาทีสุดท้าย "

และเรื่องสุดท้าย เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ พูดถึงกุญแจสำคัญของปรัชญาบางอย่างจาก INEOS บริษัทเคมีภัณฑ์ของเขาที่สอดคล้องกับหลักของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างไรบ้าง

"สามคำที่ใช้ใน INEOS ทรหดอดทน เข้มงวดกับตนเอง และ มีอารมณ์ขัน อย่างความอดทนนั้นสำคัญมาก คุณได้เห็นแมนยูแล้วในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี1999 ที่สู้จนนาทีสุดท้าย นั่นคือความทรหดอดทน"

"ความเข้มงวด กับการพาตัวเองไปสู่การฝึกซ้อม พัฒนาให้ดีขึ้นและถูกต้อง"

"และคุณก็รู้ ชีวิตคนเกิดมามันก็มีความทุกข์อยู่แล้ว เพราะงั้นคุณต้องมีอารมณ์ขันไว้บ้าง ทำงานมาหนักๆแล้วก็ต้องมีความสุข สนุกสนานกับมันบ้าง"

"อีกประการหนึ่งซึ่งเป็นรากฐานของ INEOS นอกจากความอดทน ความเข้มงวด ความตลกขบขันแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญก็คือมารยาท และผมคิดว่ามันสำคัญมากๆ เรายืนยันว่าที่ INEOS ผู้คนจะต้องมีมารยาทที่ดี เช่นเราสวัสดีตอนเช้าทักทายกันในเวลาที่ควรทักทาย ผมคิดว่ามันก็ประยุกกับฟุตบอลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเช่นกัน"

ชัดเจนว่า แรทคลิฟฟ์ และผู้อำนวยการอย่าง แอนดี้ เคอร์รี่ รวมถึง จอห์น รีซ ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมแห่งชัยชนะมาตลอด 25 ปีในธุรกิจพันล้านดอลลาร์แห่งนี้ซึ่งดำเนินการ 29 ประเทศทั่วโลก พวกเขาจะท้าทายวิถีการทำงานของยูไนเต็ดด้วยเช่นกันไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม

"ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม คนที่ INEOS พวกเขาไม่หนีไปไหน เรามีผู้บริหารระดับสูง มีฝ่ายบริหารน้อยมากๆที่ลาออกไป พวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานต่อไปเรื่อยๆในช่วงท้ายของชีวิตงาน แต่ผมคิดว่ามันค่อนข้างเป็นสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายใน INEOS เราโฟกัสมากๆกับการประสบความสำเร็จ แต่ก็ค่อนข้างที่จะซัพพอร์ตกัน และมีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นด้วย ผมคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีความสุขกับที่นี่"

"หลายสิ่งหลายอย่างมันเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งก็สามารถเอามาประยุกต์กับสโมสรฟุตบอลได้เหมือนกัน"

"เราต้องทำให้แน่ใจว่า หนึ่งในเรื่องที่ท้าทายของเราคือการทำให้สิ่งแวดล้อมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้คนที่จะให้การสนับสนุน แต่คุณอยู่ในกีฬาชั้นยอด เพราะงั้นมันต้องมีแรงขับด้วย ต้องมีความท้าทาย ต้องลงสู่การแข่งขัน เท่าๆกับมันต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ไม่แพ้กัน"

"ต้องมีอารมณ์สนุกสนานกันสักเล็กน้อย เวลาเข้างานในเช้าวันจันทร์เปียกๆชื้นๆมันจะได้ยังสนุกกันได้อยู่ เป็นที่ที่คุณจะอยากสวมรองเท้าแล้วลงไปยังสนาม ต้องทำให้มันน่าอยู่ให้ได้"

และนี่คือการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดใน Big Interview ของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ที่ต้องแบ่งพาร์ทออกเป็นหลายๆเรื่องราวให้ได้อ่าน และทำความรู้จักกับเจ้าของร่วมคนใหม่แห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะเห็นว่าเซอร์จิมเป็นผู้บริหารที่เข้าใจเรื่องกีฬาเป็นอย่างดี เขาเองเป็นนักกีฬาหลายๆอย่าง เล่นหมดทั้งวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน รวมถึงเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ตั้งแต่เด็กจนโต

แท้ไม่แท้ ก็ไปอยู่กับทีมเราในคืนสร้างประวัติศาสตร์สามแชมป์ แฟนบอลก็ควรจะหายคลางแคลงใจได้แล้วว่านี่คือคนหนึ่งที่เชียร์แมนยูแบบสุดลิ่มทิ่มประตูจริงๆ ไม่ต้องห่วงเรื่อง Passion กับสโมสร เซอร์จิมให้สัมภาษณ์ชัดเจนเองว่า เขาไม่ได้เข้ามาเพื่อผลกำไร เขารวยและมีมากพอแล้วจากธุรกิจของเขา เขามาเพื่อจะพาแมนยูกลับไปสู่จุดที่ควรจะเป็น นั่นคือปณิธานของ INEOS ซึ่งมีผู้นำการตัดสินใจทั้งหมดจากคนๆนี้ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ไม่ใช่ใครเลย

ถ้าจะมีบุคคลสักคนหนึ่งที่แฟนผีควรฝากความหวัง และรับรู้ว่าเขามาเพื่อช่วยสโมสรเราจริงๆ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ คือคนสำคัญที่สุดของเรา เป็นความหวังเดียวที่เราต้องมอบให้เขาทำทุกอย่างให้แมนยูไนเต็ดกลับไปสู่ที่ควรจะเป็น จากอำนาจการบริหารที่เขามีอยู่ในมือส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของทุกสิ่งทุกอย่าง

"ฟุตบอล"

ผู้เขียนเชื่อว่าเขาจะต้องนำพาสโมสรเราไปอยู่จุดที่ถูกต้อง และดียิ่งๆขึ้นกว่านี้แน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยความรักเป็นตัวนำ ทุกอย่างมันจะต้องทำออกมาแล้วดีแน่นอน

ฝากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยนะครับป๋า

#BELIEVE

-ศาลาผี-

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/sir-jim-ratcliffe-discusses-man-utd-legend-eric-cantona

https://www.manutd.com/en/news/detail/sir-jim-ratcliffe-on-ineos-philosophy-and-how-it-fits-with-man-utd

https://www.manutd.com/en/news/detail/sir-jim-ratcliffe-discusses-admiration-for-sir-alex-ferguson

https://www.manutd.com/en/news/detail/sir-jim-ratcliffe-shares-memories-of-watching-1999-champions-league-final-in-barcelona


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด