การลาออกจาก อาแจ็กซ์ ของ ฟรานเชสโก้ ฟาริโอลี่ ไม่ใช่เรื่องผิดคาด ต่อให้หยิบยกเหตุผลใดๆ มาอธิบายการตัดสินใจอำลาสโมสรก็ตาม
เอเรดิวิซี่ ฤดูกาล 2024-25 กลายเป็นปีที่การลุ้นแชมป์ลีกสนุกตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายปี แต่คงไม่ใช่กับ ฟาริโอลี่ ที่หัวใจแตกสลายหลังจบเกมที่ 34 เกมสุดท้ายของซีซั่น เช่นเดียวกับทุกคนที่สโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
ย้อนเวลากลับไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม เกมใหญ่ของเอเรดิวิซี่ 'เดอ ท็อปเปอร์' ที่สนามฟิลิปส์ สตาดิโอน มีความหมายต่อ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น อย่างมาก
ก่อนเกม พีเอสวี ตามหลัง อาแจ็กซ์ ถึง 6 คะแนน จึงต้องการชัยชนะเพื่อลดช่องว่างลงมาให้เหลือ 3 คะแนน
แต่เกมที่ 27 ของฤดูกาล จบลงด้วยชัยชนะของผู้มาเยือน 2-0 ทำให้ อาแจ็กซ์ ฉีกหนี พีเอสวี ออกไปไกลลิบตาถึง 9 คะแนน ขณะที่เหลือ 7 เกมสุดท้าย
"9 คะแนน มันมากเกินไป" ลุค เดอ ย็อง ศูนย์หน้ากัปตันทีม พีเอสวี ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมอย่างสิ้นหวัง
"ผมไม่คิดว่าจะมีทีมไหนที่พลิกสถานการณ์ได้ด้วยเกมที่เหลือน้อยขนาดนี้ เราจะมุ่งมั่นรักษาอันดับสองเพื่อโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก"
อาแจ็กซ์ ยังคงรักษาคะแนนนำ พีเอสวี 9 คะแนนเท่าเดิม ขณะที่เหลือ 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาล หลังจบเกมที่บุกชนะ วิลเลม ทเว 2-1 เมื่อวันที่ 13 เมษายน
ในช่วงเวลานั้น คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ฟาริโอลี่ และทุกคนในทีม อาแจ็กซ์ ต่างฝันถึงวันที่จะได้ชูโทรฟี่
โปรแกรม 5 เกมสุดท้ายของ อาแจ็กซ์ เป็นเกมในบ้าน โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ถึง 3 เกม หากไม่มีอะไรผิดพลาด โอกาสฉลองแชมป์ตั้งแต่เกมพบ เอ็นอีซี วันที่ 11 พฤษภาคม ก็พอมี
หรือถ้าแต้มยังไม่ขาด อาแจ็กซ์ ก็คงไปรับมอบแชมป์กันในเกมสุดท้ายที่จะเปิดบ้านรับมือ ทเวนเต้ วันที่ 18 พฤษภาคม นั่นคงเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดคิดไว้
แต่สิ่งที่ปรากฏคือคราบน้ำตาแห่งความเศร้า โดยเฉพาะ ฟาริโอลี่ ที่คงคิดว่าแค่หลับตาแล้วเจอฝันร้าย แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะนี่คือเรื่องจริง
หลังจากเกมที่บ้าน วิลเลม ทเว จุดเริ่มต้นของหายนะก็เกิดขึ้น
อาแจ็กซ์ บุกแพ้ อูเทรคท์ 0-4 นี่คือฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตกที่สุดในฤดูกาลนี้ และช่องว่างถูก พีเอสวี ลดลงมาเหลือ 6 คะแนน
อาแจ็กซ์ เล่นในบ้านได้แค่เสมอ สปาร์ต้า ร็อทเทอร์ดัม 1-1 ตอนนี้ พีเอสวี ขยับเข้ามาใกล้เหลือ 4 คะแนน
เกมในบ้านติดๆ กัน อาแจ็กซ์ เจออีกหนึ่งเกมที่ย่ำแย่ที่สุดของฤดูกาล แพ้คาบ้านต่อ เอ็นอีซี เละเทะ 0-3 ทำให้ พีเอสวี ไล่บี้เหลือคะแนนเดียว ก่อนเข้าสู่สองเกมสุดท้าย
ด้วยความกดดันที่พุ่งสูงถึงขีดสุด อาแจ็กซ์ ไม่สามารถรักษาสกอร์นำ 2-1 ที่บ้าน โครนิงเก้น เอาไว้ได้ ปล่อยให้เจ้าบ้านที่เหลือ 10 คนเพราะใบแดงนาที 90+3 ไล่ตามตีเสมอ 2-2 นาที 90+9
สถานการณ์พลิกผันหลังจบเกม เพราะหมายความว่า พีเอสวี ขยับแซงขึ้นนำจ่าฝูงแล้วก่อนถึงเกมสุดท้าย
พีเอสวี ที่ลงเล่นเกมรองสุดท้าย (เกมสุดท้ายในบ้าน) เอาชนะ เฮราเคิลส์ ไปแบบสบายๆ 4-1 หลังจบเกมทุกคนต่างเฝ้าลุ้นผลการแข่งขันที่ โครนิงเก้น
และเมื่อยืนยันประตูตีเสมอของเจ้าถิ่น แฟนๆ พีเอสวี ก็เฉลิมฉลองกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะหมายถึงโอกาสป้องกันแชมป์เอเรดิวิซี่อยู่ในกำมือของตัวเองแล้ว
จากที่ พีเอสวี เฝ้ารอความหวังแบบริบหรี่หลังจบเกมที่ 29 แต่พอจบเกมที่ 33 กลายเป็น อาแจ็กซ์ ที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นบ้าง
ไม่มีปาฏิหารย์เกิดขึ้นในเกมสุดท้ายกับ อาแจ็กซ์
ฤดูกาล 2024-25 จึงเป็นหนึ่งในซีซั่นที่สุดตื่นเต้น และการลุ้นแชมป์พลิกไปพลิกมามากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะถ้าย้อนกลับไปในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก พีเอสวี เริ่มต้นอย่างดุดัน ชนะถึง 14 จาก 15 เกมแรก ทำคะแนนทิ้งห่าง อาแจ็กซ์ ถึง 9 คะแนน หลังจบเกมวันที่ 6 ธันวาคม
จากนั้น พีเอสวี ก็เจอช่วงเวลาฟอร์มตกระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จนถูก อาแจ็กซ์ ไล่ตามทัน และแซงหน้าไปไกลถึง 9 คะแนน หลังจบเกมวันที่ 30 มีนาคม ไปจนถึง 13 เมษายน
คำถามคือ หลังจากนี้ทุกคนที่ อาแจ็กซ์ จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไรในสภาพจิตใจที่บอบช้ำขนาดนี้
สำหรับคนเป็นเฮดโค้ช เป็นเรื่องยากที่จะหาแรงกระตุ้นมาปลุกเร้าลูกทีมให้ฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง เพื่อคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ ในฤดูกาล 2025-26 แม้จะมีความเป็นมืออาชีพแค่ไหนก็ตาม
ทุกคนที่ อาแจ็กซ์ ทราบเรื่องนี้ดี และตอบรับการลาออกของ ฟาริโอลี่ แบบไม่มีข้อโต้แย้ง
หลังจากนี้ อาแจ็กซ์ จะต้องเดินหน้าต่อภายใต้เฮดโค้ชใหม่ ที่จะต้องลืมฝันร้ายให้ได้เป็นอันดับแรก และการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นภายในทีมก็เช่นกัน
ในแง่ของจิตวิทยา การเหนี่ยวรั้งผู้เล่นคนสำคัญที่หมดไฟในการพาทีมประสบความสำเร็จไปแล้ว จะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าการขายออกในราคาที่เหมาะสม
นั่นคือเรื่องที่ อาแจ็กซ์ ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ เช่นเดียวกับเส้นทางโค้ชของ ฟาริโอลี่