ตลอดช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษครึ่ง นับตั้งแต่ อัลบาโร่ โมราต้า ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด การย้ายทีมแบบวนไปวนมา เกิดขึ้นแทบจะปีเว้นปี
โมราต้า ผลักดันตัวเองจากทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด และการรับใช้ทีมชุดเบ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ และมีฤดูกาลที่ดีภายใต้การคุมทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ
ซีซั่น 2013-14 โมราต้า ยิงไป 9 ประตูจาก 34 เกมรวมทุกรายการในบทบาทตัวสำรองของสามประสานแนวรุก คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล นั่นเป็นผลงานที่น่าพอใจแล้ว
เพียงพอให้ ยูเวนตุส ยอมจ่าย 20 ล้านยูโรซื้อจาก เรอัล มาดริด ในปี 2014
โมราต้า มีผลงานที่ดีในสองฤดูกาลที่ ตูริน ยิงไป 27 ประตูจาก 93 เกมรวมทุกรายการ เป็นการสะกิดให้ เรอัล มาดริด ต้องตัดสินใจใช้เงื่อนไขซื้อกลับในราคา 30 ล้านยูโร
ศูนย์หน้าทีมชาติสเปน ระเบิดฟอร์มกับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2016-17 ซัลโวไป 20 ประตูจาก 43 เกมรวมทุกรายการ เหนือกว่า เบนเซม่า และเป็นรองแค่ โรนัลโด้ ที่ยิงแหลก 42 ประตูเพียงคนเดียว
แต่อนาคตของ โมราต้า ก็ไม่เคยอยู่นิ่ง ถัดจากนั้นปีเดียว เชลซี ยอมทุ่มข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์ที่ทำให้ เรอัล มาดริด ไม่อาจปฏิเสธได้
15 ประตูจาก 48 เกมในฤดูกาลแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถือว่าไม่เลวทีเดียว แต่ก็ยังไม่สมความคาดหวังเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จ่ายไป
และเมื่อยิงไปเพียง 9 ประตูจาก 24 เกมในครึ่งซีซั่นถัดมา เชลซี ก็ตัดสินใจปล่อยตัวให้ แอตเลติโก มาดริด
ทีมของ ดีเอโก้ ซีเมโอเน่ เซ็นสัญญายืมตัวระยะเวลา 18 เดือน โดยช่วงเวลานั้น โมราต้า ยิงไป 22 ประตูจาก 61 เกมรวมทุกรายการ ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ซื้อขาดที่ราคา 58 ล้านปอนด์
โมราต้า กลายเป็นผู้เล่นถาวรของ แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 แต่หลังจากนั้น 2 เดือนเศษ กลับปล่อยให้ ยูเวนตุส ดึงตัวกลับไปเล่นอีกครั้งในสัญญายืมตัว
ความวุ่นวายในการย้ายทีมของ โมราต้า ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ยูเวนตุส จ่ายค่าธรรมเนียมยืมตัว 10 ล้านยูโร และมีเงื่อนไขซื้อขาด 45 ล้านยูโร หรือไม่ก็ขยายสัญญายืมตัวอีกหนึ่งปี จ่ายเพิ่มอีก 10 ล้านยูโร และเงื่อนไขซื้อขาดลดลงเหลือ 35 ล้านยูโร
หลังจาก 2 ฤดูกาลที่ทำไป 32 ประตูจาก 92 เกมรวมทุกรายการ ยูเวนตุส ตัดสินใจไม่ซื้อขาด โมราต้า และส่งตัวกลับต้นสังกัดตัวจริง แอตเลติโก มาดริด
กลับไป แอตเลติโก มาดริด รอบนี้ โมราต้า ก็ยังมีผลงานที่ดี 36 ประตูจาก 93 เกมใน 2 ฤดูกาล ด้วยฟอร์มเช่นนี้ไปเตะตา เอซี มิลาน ที่กำลังมองหาศูนย์หน้าประสบการณ์เข้ามาแก้ปัญหาการทำประตู
แต่ผลงานการยิงประตูไม่เป็นไปตามคาด เหตุผลหลักมาจากอาการบาดเจ็บ และสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยเต็มร้อย ผ่านครึ่งฤดูกาล การย้ายทีมของ โมราต้า จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
กาลาตาซาราย เซ็นสัญญายืมตัวระยะเวลา 18 เดือน เป็นการทดแทน เมาโร อีการ์ดี้ ที่บาดเจ็บพักยาว แต่การแย่งตำแหน่งตัวจริงก็ไม่ง่าย เพราะมี วิคเตอร์ โอซีเมน ยืนขวางหน้าอยู่
หลังจากทำไป 7 ประตูจาก 16 เกม โมราต้า ได้รับการติดต่อจาก เชส ฟาเบรกาส เทรนเนอร์ โคโม่ ที่ต้องการดึงตัวไปร่วมงานในเวทีเซเรียอาอีกครั้ง
แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นไม่ง่าย เพราะ กาลาตาซาราย ยังเหลือสัญญายืมตัวอีก 12 เดือน และต้องการค่าชดเชยในการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด
สุดท้ายก็จบด้วยดี กาลาตาซาราย ได้รับเงินชดเชย 5 ล้านยูโรสำหรับการยุติสัญญายืมตัวกับ โมราต้า
และ โคโม่ ก็กลายเป็นสโมสรล่าสุดของ โมราต้า หลังจากเซ็นสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาล 2025-26 พร้อมเงื่อนไขที่เป็นข้อบังคับซื้อขาดหลังจากนั้น
นี่คือการย้ายทีมครั้งที่ 8 และเป็นสโมสรที่ 7 ของ โมราต้า
การย้ายทีมที่วกไปวนมาตลอดช่วงเวลา 15 ปี เป็นการจบกับ กาลาตาซาราย แบบไม่สวย แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ โคโม่ ในวัย 32 ปี ที่ยังไม่แน่ว่าที่นี่อาจเป็นสโมสรสุดท้ายหรือไม่
