จากลีกรองอังกฤษ สู่ดาวเด่นเอ็มแอลเอส

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
234
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
'ซูเปอร์แซม' คือฉายาที่แฟนๆ ตั้งให้ หลังจากมีบทบาทสำคัญในการพา แนชวิลล์ เอสซี ประสบความสำเร็จ ได้สัมผัสโทรฟี่แรกในประวัติศาสตร์สโมสร

การมาของ แซม เซอร์ริดจ์ ได้พลิกโฉมหน้าของสโมสร แนชวิลล์ เอสซี ทั้งที่คงไม่มีใครคาดหวังในตัวศูนย์หน้าชาวอังกฤษมากขนาดนั้น เมื่อพิจารณาจากผลงานในลีกฟุตบอลอังกฤษ

เซอร์ริดจ์ ผ่านประสบการณ์ในเวทีแชมเปี้ยนชิพ, ลีกทู และนอกลีกมาหมดแล้ว ไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่ยิงในลีกเกิน 10 ประตู แต่โชคชะตาก็พาให้ศูนย์หน้าชาวอังกฤษได้ย้ายมาเป็นที่รักของชาวแนชวิลล์
จุดพลิกผันในชีวิตของ เซอร์ริดจ์ อยู่ในช่วงฤดูกาล 2021-22 ที่ยิงไปเพียง 2 ประตูจาก 20 เกมในแชมเปี้ยนชิพกับ สโต๊ค ซิตี้ ก่อนย้ายไป น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ช่วงครึ่งหลังแล้วยิงไป 7 ประตูจาก 17 เกม พาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เสริมทัพหนักหน่วงล้นทีม ทำให้โอกาสของ เซอร์ริดจ์ ลดลงไปมาก จาก 20 เกมที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เป็นการลงตัวจริงแค่เกมเดียว และยิงได้เพียงหนึ่งประตู
ซีซั่นถัดมา น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ต้องขายผู้เล่นส่วนเกินออก หนึ่งในนั้นก็คือ เซอร์ริดจ์
"ผมต้องการลงเล่น อยากลองอะไรที่แตกต่างออกไป ผมต้องการความท้าทายใหม่ๆ แนชวิลล์ มอบโอกาสนั้นให้กับผม เมื่อพวกเขามอบเสื้อหมายเลข 9 และต้องการให้ผมไปร่วมงานด้วย"
"ผมรู้สึกเหมือนว่าได้ตอบแทนความเชื่อมั่นของพวกเขาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจากทีม ผมเคยมีช่วงเวลาที่ดีเป็นพักๆ แต่ไม่เคยมีนานขนาดนี้มาก่อน" เซอร์ริดจ์ พูดถึงตอนตัดสินใจร่วมทีม แนชวิลล์
เซอร์ริดจ์ เข้าสู่ทีม แนชวิลล์ ในช่วงกลางฤดูกาล 2023 แฟนบอลบางส่วนอาจไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เพราะทีมกำลังมีกองหน้าดาวเด่น ฮานี่ มุคตาร์ ที่เพิ่งคว้าดาวซัลโวเมเจอร์ลีกซีซั่น 2022
แต่การมาผนึกกำลังระหว่าง เซอร์ริดจ์ กับ มุคตาร์ กลายเป็นคู่หูแดนหน้าที่ทุกทีมไม่อยากเผชิญหน้าด้วย
ปีแรกที่ไปถึง เซอร์ริดจ์ ยิงประตูสำคัญในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, 8 ทีมสุดท้าย และรองชนะเลิศ ในรายการลีกคัพ พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ
แต่ไม่สามารถหยิบโทรฟี่แรกให้กับสโมสร หลังจากแพ้ดวลจุดโทษต่อ อินเตอร์ ไมอามี่ ที่เวลานั้นถูกเขียนบทเอาไว้ให้เป็นของ ลีโอเนล เมสซี่
มาถึงปี 2025 เซอร์ริดจ์ ทำหนึ่งประตูสำคัญในรอบชิงชนะเลิศ ยูเอส โอเพ่น เอาชนะ ออสติน เอฟซี 2-1 ได้สัมผัสแชมป์ และเป็นโทรฟี่แรกของสโมสร แนชวิลล์
แนชวิลล์ เพิ่งก่อตั้งสโมสรในปี 2016 และเข้าร่วมเมเจอร์ลีกในฤดูกาล 2020 ดังนั้นความสำเร็จจึงถือว่ามาเร็วทีเดียว เมื่อเทียบกับอีกหลายสโมสร
ปกติแล้ว ชาวเมืองแนชวิลล์คลั่งไคล้ เทนเนสซี่ ไททันส์ แห่ง เอ็นเอฟแอล และ แนชวิลล์ พรีเดเตอร์ส แห่ง เอ็นเอชแอล แต่ เซอร์ริดจ์ กำลังปลุกเมืองนี้ให้กลายเป็นเมืองของซอคเกอร์บ้าง
29 ประตูจาก 36 เกมรวมทุกรายการ และเป็น 23 ประตูจาก 33 เกมในเมเจอร์ลีก ฤดูกาล 2025 เซอร์ริดจ์ กำลังพา แนชวิลล์ แย่งชิงตำแหน่งเพลย์ออฟ เอ็มแอลเอส คัพ
เช่นเดียวกับการลุ้นความสำเร็จส่วนตัว นั่นคือรางวัลรองเท้าทองคำ
"ตอนกลางฤดูกาล ผมยังเป็นผู้นำอยู่เลย แต่แล้ว เมสซี่ ก็ไล่ตามทัน เขามีช่วงเวลาที่ดีตอนที่ยิงเกมละ 2 ประตู 5 เกมติดต่อกัน" เซอร์ริดจ์ พูดถึงการลุ้นดาวซัลโว
สถานการณ์ตอนนี้ เมสซี่ เป็นผู้นำดาวซัลโว 26 ประตู ตามด้วย เดนิส บูอานก้า ของ แอลเอ เอฟซี 24 ประตู และ เซอร์ริดจ์ 23 ประตู
"เป็นเรื่องที่ดี เพราะเขามีสถิติการยิงประตูที่น่าทึ่งอยู่แล้ว การได้ดวลกับเขาจึงถือเป็นเรื่องดี และคุณต้องไม่ลืม เดนิส บูอานก้า ด้วย ตอนนี้เป็นการแข่งขันของม้าสามตัว เราต่างมีฤดูกาลที่ดีมาก"
ตอนที่ เมสซี่ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 4 และคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 5 จาก 8 ครั้งของตัวเอง เซอร์ริดจ์ ยังเล่นอยู่นอกลีกกับสโมสร เวย์มัธ ในวัย 17 ปี
ใครจะคิดว่า 10 ปีผ่านไป เซอร์ริดจ์ กำลังลุ้นดาวซัลโวแข่งกับ เมสซี่
แต่ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ เซอร์ริดจ์ ได้กลายเป็นที่รักของชาวเมืองแนชวิลล์ไปแล้ว
และศูนย์หน้าชาวอังกฤษก็กำลังมีความสุขกับช่วงเวลานี้เช่นกัน การได้อยู่กับคนรัก ลูกชายตัวน้อย และสุนัขคู่ใจ ในเมืองที่เงียบสงบอย่าง แนชวิลล์ เขาคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด