การได้เป็นตัวแทนประเทศชาติลงเตะต่อหน้าผู้คนร่วมมาตุภูมิ คือหนึ่งในเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอล
แต่การได้เป็นลงแข่งสะสมมากถึงร้อยๆ ครั้งนั้นต้องอาศัยสิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา มีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติ ลงเล่นได้อย่างต่อเนื่องในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ,รอบคัดเลือก และนัดกระชับมิตร
นักเตะเหล่านี้คือเสาหลักที่ยืนหยัดยาวนาน มักจะมีบุคลิกผู้นำ, เอาตัวรอดเก่ง และมืออาชีพสูง ไม่ย่อท้อที่นำพาประเทศชาติผ่านพ้นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
ขานชื่อก็คงร้องอ๋อกันหมด
เพราะพวกเขาเล่นตั้งแต่สถานะฝีเท้าระดับโลก สั่งสมไปจนกลายเป็นแข้งมากประสบการณ์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการรับใช้แผ่นดินแม่
ต้องขอบคุณศาสตร์ดูแลตัวเอง, วิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่ ที่ช่วยถนอมร่าง, ช่วยนักเตะลายครามมีความสม่ำเสมอและอายุงานยาวนานขึ้น
จนสามารถเข้าสู่ทำเนียบได้
หัวโจกผู้นำในเส้นทางนี้คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตำนานผู้ลงเล่นให้กับโปรตุเกส บ้านเกิดมากถึง 223 นัด (ก่อนโปรแกรมเดือน ต.ค.)
เขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ได้สองครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงได้ลิ้มรสความสำเร็จในยูโร 2016
ตามมาด้วย ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาไปแล้ว 194 นัด
โดยตำนานผู้นี้คว้าแชมป์ โกปา อเมริกา 2 สมัย และฟุตบอลโลก 2022
ลำดับที่สามคือ ลูก้า โมดริช กองหลังโครเอเชีย ลงเล่นสะสม 191 นัด
อันดับสี่เป็นของ อันเดรส กวาร์ดาโด้ กองกลาง ซึ่งลงเล่นให้เม็กซิโก 182 นัดในศตวรรษนี้
ต่อที่ มายเนอร์ ฟีเกรัว อันดับห้า ดีกรีอดีตกองหลัง วีแกน ซึ่งลงเล่นให้ฮอนดูรัส 181 นัด
ลำดับ 6 คือ เซร์คีโอ รามอส กองหลังผู้กล้าหาญ ลงเล่นให้สเปน 180 นัด
ตามมาด้วย อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าทีมชาติชิลี 168 นัด มาในลำดับ 7
อันดับแปดเป็นของ อีเกร์ กาซียาส ผู้รักษาประตูระดับตำนาน ซึ่งลงเล่นให้สเปน 167 นัด
อันดับที่เก้าเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานอีกคนอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ซึ่งลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลีไป 164 นัด
ขณะที่ เซลโซ่ บอร์เกส ของทีมชาติคอสตาริกาก็ติดท็อป 10 โดยลงเล่นให้ทีม ‘กล้วยหอม’ไป 163 นัด
