:::     :::

ปาฐกถาของฟลอเรนตีโน่

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
169
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ใช้เวทีการประชุมประจำปีของสโมสร เรอัล มาดริด พูดหลากหลายประเด็นและที่ไม่พลาดคือการวิพากษ์วิจารณ์การมอบรางวัล บัลลง ดอร์ ปีนี้ หลังลูกรักอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ ชวดรางวัลดังกล่าว

ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ประธาน เรอัล มาดริด ใช้เวทีของการประชุมประจำปีเพื่อกล่าวแสดงความชื่นชมอย่างสุดซึ้งต่อบุคคลสำคัญภายในสโมสร โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของบุคคลเหล่านี้ที่มีต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นแรงบันดาลใจในอนาคตของทัพ 'โลส บลังโกส'

การสรรเสริญของ ฟลอเรนตีโน่ เริ่มต้นด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ ที่คว้าอันดับสองของ บัลลง ดอร์ ปี 2024 ซึ่งท่านประธานทีมชุดขาวแสดงความภาคภูมิใจในแนวรุกชาวบราซิเลียนอย่างยิ่ง พร้อมยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะดีสุดของ เรอัล มาดริด และเป็นนักเตะดีที่สุดในโลกด้วย

'เราภูมิใจในตัวนักเตะอย่าง วินิซิอุส สำหรับเราและแฟนบอลส่วนใหญ่แล้ว เขาเป็นนักเตะดีที่สุดในโลก' ฟลอเรนตีโน่ กล่าว

ประธานทีมชุดขาวชื่นชม วินิซิอุส สำหรับความอดทนในการเอาชนะความท้าทายและคำวิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งหล่อหลอมให้เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ พร้อมเน้นย้ำถึงความชื่นชมและการสนับสนุนที่แนวรุกชาวบราซิเลียนได้รับจากแฟน เรอัล มาดริด ทั่วทุกมุมโลก

'วีนี่ ที่รัก, ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าแฟนๆมาดริดภูมิใจในตัวคุณ ในทุกอย่างที่คุณต้องอดทนมาหลายครั้งอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งหมดนี้ทำให้คุณเป็นนักเตะอย่างที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้'


ฟลอเรนตีโน่ ยังพูดถึงความท้าทายของทีมชุดขาวที่เพิ่มมากขึ้น หลังเผชิญวิกฤตนักเตะบาดเจ็บ โดยเฉพาะ ดาเนียล การ์บาฆาล กับ เอแดร์ มิลิเตา ที่ต้องพักตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ ขณะที่ ดาวิด อลาบา ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาจากการบาดเจ็บหนักเมื่อซีซั่นก่อน

'มันเป็นปีประวัติศาสตร์ และเรากำลังเผชิญกับวัฎจักรแห่งชัยชนะที่สำคัญสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรของเรา นักเตะในทีมนี้เป็นแฟนของ เรอัล มาดริด พวกเขาหลงใหลในตราสโมสรนี้ และรู้ว่าเสื้อตัวนี้มีความหมายอย่างไร'

ประธานทีมชุดขาวกล่าวถึงพวกเขาว่าเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณและความหลงใหลของ เรอัล มาดริด พร้อมให้กำลังใจให้พวกเขาฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว และให้คำมั่นกับแฟนๆว่านักเตะเหล่านี้จะหวนคืนสนามในไม่ช้าและยังคงมีส่วนสนับสนุนความสำเร็จของทีมต่อไป

'ผมส่งกำลังใจถึง การ์บาฆาล และ มิลิเตา พวกเขาเป็นสองคนที่เป็นแบบอย่างที่ดีของทีม และเราจะได้เห็นพวกเขากลับมาลงสนามในเร็ววันนี้ เราขอส่งความรักทั้งหมดยังไป อลาบา ด้วย ซึ่งตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการฟื้นตัว'

ฟลอเรนตีโน่ ยังพูดถึง คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ย้ายมาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้นถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของสโมสรว่า 'การมาถึงของ เอ็มบั๊ปเป้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของวงการฟุตบอล'


เขายังเน้นย้ำถึงความพยายามอย่างยอดเยี่ยมของกองหน้าชาวฝรั่งเศสและผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที รวมถึงการช่วย เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จร่วมกับทัพ 'โลส บลังโกส'

'อย่างที่ผมพูดไปในวันนั้น เขาพยายามอย่างเต็มที่จนหลายคนนึกไม่ถึง และเขาช่วยเราคว้าแชมป์รายการแรกสำเร็จ นั่นคือ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ'

ประธานทีมชุดขาวยังกล่าวสดุดี 3 อดีตนักเตะอย่าง นาโช่ เฟร์นานเดซ, โทนี่ โครส และ โฆเซ่ หลุยส์ มาโต้ ซานมาร์ติน โฆเซลู ที่ต่างอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา 

เขากล่าวชื่นชม นาโช่ ที่อยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนาน 23 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าสำคัญของ เรอัล มาดริด และเป็นต้นแบบให้กับผู้เล่นดาวรุ่งฝันเดินตามรอยนั้น

'ผมยังอยากจดจำ นาโช่ ซึ่งเป็นแบบอย่างของคุณค่าของ เรอัล มาดริด และเป็นต้นแบบให้กับเด็กๆในทีมเยาวชนด้วย'

'เขาอยู่บ้านหลังนี้มา 23 ปีแล้ว เราอยากบอกเขาว่า เรอัล มาดริด เป็นและจะเป็นบ้านของเขาตลอดไป นาโช่ ที่รัก, ขอให้โชคดีกับช่วงใหม่ของชีวิตคุณ'


เช่นเดียวกับ โครส ที่ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เรอัล มาดริด ด้วยผลงานและช่วงเวลาที่น่าจดจำของเขาที่ฝังแน่นอยู่ในใจแฟนๆทีมชุดขาว

'มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นใครสักคนอย่าง โครส อีกครั้ง หนึ่งในนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา และหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่สุดของฟุตบอลโลก การกล่าวคำสรรเสริญเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมนั้นเป็นความรู้สึกที่ซาบซึ้งและยากจะลืมเลือน'

'โทนี่ ที่รัก, ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้เรา คุณรู้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของคุณตลอดไป'

ฟลอเรนตีโน่ ยังกล่าวยกย่องความพยายามของ โฆเซลู ในเกมสำคัญๆอย่างเช่นนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกที่ทีมชุดขาวคว้าแชมป์สมัยที่ 15 ของสโมสร

'ผมอยากรำลึกถึง โฆเซลู ด้วยที่นำเราไปสู่รอบชิงชนะเลิศจนคว้าแชมป์สมัยที่ 15 ขอบคุณ, โฆเซลู ที่รัก'

แน่นอนว่า ฟลอเรนตีโน่ ไม่พลาดที่จะกล่าวถึงดราม่าเรื่อง บัลลง ดอร์ หลัง วินิซิอุส จูเนียร์ ถูก โรดรีโก้ เอร์นานเดซ โรดรี้ มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนของ แมนฯซิตี้ ปาดหน้าคว้ารางวัลดังกล่าวด้วยเสียงโหวตมากกว่าเพียง 41 คะแนน


ประธานทีมชุดขาวเริ่มต้นด้วยการแสดงความชื่นชมความสามารถของ โรดรี้ แต่ก็เชื่อว่าช่วงเวลาการมอบรางวัล บัลลง ดอร์ แก่มิดฟิลด์วัย 28 ปีนั้นยังน่าเคลือบแคลงสงสัย โดยเน้นย้ำว่าฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของ โรดรี้ คือการคว้าทริเปิลแชมป์ร่วมกับ แมนฯซิตี้ เมื่อปีที่แล้วและน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่าสำหรับการคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ 

ก่อนจะอ้างอิงรายงานของ ตุ๊ตโต้สปอร์ต สื่ออิตาเลียนที่ระบุว่า บัลลง ดอร์ ปีนี้ควรตกเป็นของนักเตะ เรอัล มาดริด ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจในระบบการลงคะแนนโหวตในปัจจุบัน

'โรดรี้ เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เรารักเขา แต่ผมจะบอกคุณบางอย่างที่ ตุ๊ตโต้สปอร์ต ระบุว่า บัลลง ดอร์ ควรจะเป็นของ เรอัล มาดริด'

'ปีนี้พวกเขาได้ชดเชย โรดรี้ สำหรับผลงานของเขาในฤดูกาลที่แล้ว เขาสมควรได้รับรางวัล บัลลง ดอร์ แต่ไม่ใช่ปีนี้ เขาสมควรได้รับรางวัลนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วเมื่อเขาคว้าทริเปิลแชมป์กับ แมนฯซิตี้'

เขายังอ้างถึงเรื่องที่ผู้อ่าน เลกิ๊ป สื่อใหญ่ฝรั่งเศสที่จัดอันดับให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ของ เรอัล มาดริด เป็นตัวเต็งที่จะคว้าราววัล บัลลง ดอร์ ปีนี้ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายทำให้หลายคนประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ยูฟ่า อ้างว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงคะแนนโหวต

'คนอ่าน เลกิ๊ป จัดอันดับให้ วินิซิอุส เป็นตัวเต็ง มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่แถลงการณ์ของ ยูฟ่า ระบุว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงระบบการลงคะแนน'

ฟลอเรนตีโน่ ยังอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับกลุ่มผู้ลงคะแนนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นนักข่าวจากประเทศที่มีประชากรน้อยกว่ามีสิทธิ์ออกความคิดเห็น และตั้งคำถามว่าการรวมพวกเขาเข้าไปด้วยจะส่งผลต่อความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของรางวัลหรือไม่

'มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเมื่อพิจารณาจากฟุตบอลแล้ว มีประเทศที่นักข่าวที่มีประชากรน้อยกว่าล้านคนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง'

ประธานทีมชุดขาวยังวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่านักข่าวบางประเทศที่ไม่ลงคะแนนเสียงเลย โดยยกตัวอย่างนักข่าวจากฟินแลนด์เป็นต้น


'มีนักข่าวบางคนที่เลิกลงคะแนนโหวตให้รางวัลนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ อย่างเช่นกรณีของนักข่าวชาวฟินน์'

เขายังแนะนำว่าการมีส่วนร่วมของนักข่าวที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงจากประเทศต่างๆอย่างเช่น ยูกันดา, นามิเบีย, แอลเบเนีย และ ฟินแลนด์ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการลงคะแนนโหวต ที่อาจหมายถึง วินิซิอุส จะคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ หากไม่มีคะแนนเสียวเหล่านี้ 

'มีนักข่าวที่ไม่มีใครรู้จัก และพวกเขาเข้ามาลงคะแนนโหวตในปีนี้ หากไม่มีคะแนนเสียงของนักข่าวจากประเทศต่างๆ อย่างเช่น ยูกันดา, นามิเบีย, แอลเบเนีย และ ฟินแลนด์, วินิซิอุส คงจะคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ นี้ไปแล้ว'

ประธานทีมชุดขาวยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบ โดยสนับสนุนให้มีการรวบรวมบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับและเข้าใจถึงความสำคัญในการตัดสินใจของพวกเขา

'ระบบจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และพวกเขาจะต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งเสี่ยงต่อชื่อเสียงของพวกเขาด้วยคะแนนเสียงเหล่านี้'

ก่อนจะเน้นย้ำถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชื่อเสียงของ รางวัล บัลลง ดอร์ ที่ ฟลอเรนตีโน่ สรุปด้วยการอธิบายการตัดสินใจของ เรอัล มาดริด ที่ไม่เดินทางไปร่วมงาน กาล่า ซึ่งเป็นการแสดงถึงความไม่พอใจของพวกเขาต่อกระบวนการที่เกิดขึ้น

'ขอให้ทุกคนเข้าใจว่านักข่าวเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียงของพวกเขาด้วยการลงคะแนนโหวต เราไม่รู้ว่าใครลงคะแนนโหวตบ้าง และบางประเทศที่เราไม่รู้จักด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราจึงไม่เข้าร่วมงาน บัลลง ดอร์ กาล่า'


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด