ชีวิตหลังเกษียณของฮิลเดบรันด์

หลายคนคงจดจำ ติโม ฮิลเดบรันด์ อดีตนายทวาร สตุ๊ตการ์ท ที่มีใบหน้าละม้ายคล้าย ลีโอนาร์โด้ ดิคาปรีโอ ดาราฮอลลีวู้ดชาวอเมริกัน โดยสร้างชื่อระหว่างลงเฝ้าเสาให้ทีมม้าขาวในช่วงปี 1999-2007
ฮิลเดบรันด์ เคยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหลังเลิกเล่นฟุตบอลเมื่อปี 2015 ปัจจุบันอดีตนายทวารวัย 46 ปีได้ค้นพบความหลงใหลใหม่ๆมากมาย ตั้งแต่ร้านอาหารมังสวิรัต ไปจนถึงเทศกาลโยคะ
อดีตผู้รักษาประตูทีมม้าขาวเผชิญปัญหาชีวิตส่วนตัว นับตั้งแต่แยกทางกับคู่รัก ก่อนเขาตัดสินใจไปคลีนิกสุขภาพจิตเพื่อบำบัดภาวะซึมเศร้า ซึ่ง ฮิลเดบรันด์ กล่าวถึงความช่วยเหลือที่เขาได้รับว่า 'สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการได้หลุดพ้นจากชีวิตประจำวันตอนนั้น เพื่อก้าวข้ามพันธนาการภายในนี้ ผมจึงค้นพบระยะห่างและความสงบที่จำเป็นในตอนนั้น เพื่อเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวและค้นพบตัวเองอีกครั้ง'
ฮิลเดบรันด์ เคยเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูดีที่สุดในยุคของเขา และยังครองสถิติไม่เสียประตูบนเวทีบุนเดสลีกาติดต่อกันนานที่สุด แต่ในช่วงรุ่งเรืองที่สุด เขากลับรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง ซึ่งคงเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งในโลกลูกหนังที่เน้นแต่เรื่องประสิทธิภาพและความแข็งแกร่ง
'ในฐานะนักฟุตบอล คุณใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไร้ทิศทาง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีมีให้เห็นทุกคน แต่ทุกคนต้องรับมือกับข้อเสีย ทั้งแรงกดดันจากแฟนๆ และสื่อ ระบบคุณธรรมนิยมที่เข้มข้น ความรับผิดชอบ ความรู้สึกว่าต้องทุ่มเทเพื่อตัวเองอยู่ตลอดเวลา'
เมื่อถูกถามว่าเขาดูไม่เหมือนเป็นต้นแบบของนักฟุตบอลคลาสสิคเหมือนอดีตผู้เล่นหลายคน ฮิลเดบรันด์ ตอบว่า 'ผมรู้ตัวตั้งแต่แรกว่าผมไม่จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์แสดงสถานะอะไรมากมาย และผมไม่ได้เข้ากับแบบแผนผู้รักษาประตูในยุคของผม'
'คนอย่าง โอลิเวอร์ คาห์น, อูลี่ สไตน์ และ สเตฟาน โคลส เป็นแบบอย่างของผม แต่ผมตีความบทบาทของผมในฐานะผู้รักษาประตูต่างจาก คาห์น มาก ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถเป็นผู้รักษาประตูที่เงียบขรึมได้ คุณต้องหาสมดุลเพื่อจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำ'
เมื่อถูกถามว่าเขารู้หรือไม่ว่าจะทำอะไรต่อไปหลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ อดีตนายทวารวัย 46 ปีตอบว่า 'ไม่, ผมรู้อยู่แล้วว่าผมกำลังจะเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่ แต่ผมก็ปรับตัวได้ ผมใช้เวลาช่วง 2-3 ปีแรกไปกับการเดินทางไกล ไปเยี่ยมเพื่อนๆที่ต่างประเทศ ผมจะได้ดีถึงทริปขับรถเที่ยวสหรัฐอเมริกากับเพื่อนคนหนึ่ง การเดินทางประมาณ 3 สัปดาห์โดยรถยนต์จากชายฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก มันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก'
ฮิลเดบรันด์ ยังเผยถึงก้าวแรกในชีวิตการทำใหม่ของเขาว่า 'ผ่านเอเจนซี่ธุรกิจกีฬา ผมได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของธุรกิจ ทั้งการเป็นสปอนเซอร์และงานอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งให้ความรู้อย่างมาก และเป็นรากฐานที่ดีสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต'
อดีตนายทวารทีมม้าขาวเป็นหุ้นส่วนและแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้แบรนด์อาหารวีแกนมาตั้งแต่ปี 2014 ฮิลเดบรันด์ ยังได้เป้ดตัวเทศกาลโยคะ และเป็นเจ้าของร่วมของร้านอาหารวีแกนในเมืองสตุ๊ตการ์ทด้วย
'ผมมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ผมสนใจและสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ผมรับประทานอาหารวีแกนเป็นหลักและเชื่อมั่นในวิถีชีวิตแบบนี้ อีกทั้งในตอนนั้นยังไม่มีร้านอาหารวีแกนในใจกลางเมืองสตุ๊ตการ์ท ผมจึงใช้แนวทางที่เน้นการปฏิบัติจริงอย่างมาก'
อย่างไรก็ตามโครงการร้านอาหารของ ฮิลเดบรันด์ เกิดขึ้นในช่วงแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งอดีตผู้รักษาประตูวัย 46 ปีเผยว่า 'ระหว่างการปรับปรุง มีภัยพิบัติเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานอย่างมาก การขอใบอนุญาตและการสร้างทีมที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน แต่วันนี้ผมภูมิใจและมีความสุขที่สถานที่แห่งนี้ยังคงเปิดให้บริการได้'
ฮิลเดบรันด์ ยังพูดถึงการเกี่ยวข้องกับโยคะว่า 'ผมเริ่มเล่นโยคะจริงๆ หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ตอนนี้ผมไม่ค่อยแอคทีฟเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นมันดีต่อผมทั้งร่างกายและจิตใจ สิ่งดีที่สุดเกี่ยวกับโยคะคือไม่มีใครทะเลาะกัน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับตัวเองเป็นอันดับแรก ไม่มีสงครามสนามเพลาะ ไม่มีการแข่งขัน ผมพบว่ามันแตกต่างมากในฐานะนักฟุตบอล'
ก่อนจะพูดถึงเทศกาลโยคะว่า 'มีโยคะเยอะมาก จริงๆแล้วมันเป็นการสร้างพื้นที่ให้กับชุมชนโยคะที่หลากหลายในสตุ๊ตการ์ท และพื้นที่โดยรอบ มีคลาสโยคะ นวดแผนไทย อาหารอร่อยๆทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง'
ฮิลเดบรันด์ ยังได้พูดถึงบทบาทของเขาในฐานะแบบอย่างของผู้ชายยุคใหม่ว่า 'ผมอยากสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชายได้ค้นพบด้านที่อ่อนโยนของตัวเองมากขึ้น และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ'
'ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการลบล้างอคติบางอย่าง และกระตุ้นให้ผู้คนลองสิ่งใหม่ๆ นั่นคือสิ่งที่ผมนิยามร้านอาหารของเรา ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนใจคนหรือตำหนิคนทานเนื้อสัตว์ แค่ลองดู สนุกไปกับมัน แล้วตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ นั่นเป็นทัศนคติพื้นฐานที่ดีสำหรับทั้งเรื่องอาหารและโยคะ'
ฮิลเดบรันด์ เป็นเจ้าของร้านอาหาร และ ฑูตโยคะ เมื่อถูกถามว่าเขายังมีเวลาทำอย่างอื่นอีกไหม เขาตอบว่า 'ผมทำงานกับองค์กรช่วยเหลือ STELP e.V. ในเมืองสตุ๊ตการ์ท ซึ่งมีส่วนร่วมในโครงการช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆอย่างเช่น โรงทานในเยเมน ภารกิจช่วยเหลือในยูเครนหรือตุรกี'
'ในฐานะอดีตนักฟุตบอล การเปิดประตูต้อนรับแฟนบอลมักจะง่ายกว่ามากสำหรับผม ผมยังภูมิใจและขอบคุณสำหรับบทบาทฑูตของสโมสรฟุตบอลสตุ๊ตการ์ท ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสนับสนุนหรือการเดินไปต่างประเทศ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฟุตบอลสตุ๊ตการ์ท'
หลังเลิกเล่นฟุตบอลมานาน 10 ปี ยังมีนิสัยอะไรที่หลงเหลือมาจากตอนเล่นฟุตบอลหรือไม่ ฮิลเดบรันด์ ตอบว่า 'แน่นอนว่ามันคือจรรยาบรรณในการทำงานและวินัยของผม แรงผลักดันที่อยากจะโชว์ฟอร์มใหม่ทุกสัปดาห์ และพยายามต่อไปแม้ในตอนล้มลงหรือต้องยอมรับการพ่ายแพ้ ในขณะเดียวกัน ผมก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้นกว่าตอนที่เป็นนักฟุตบอล'
'ผมต้องใช้เวลาพอสมควรในการปลดปล่อยตัวเองจากอารมณ์ที่เข้มข้นที่มาพร้อมกับการเป็นนักฟุตบอล สำหรับผมแล้ว มันยังรวมถึงความสนิทสนมที่หาได้ยากในอาชีพอื่นๆอีกด้วย ซึ่งมาพร้อมกับการได้ใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานและการเดินทางท่องเที่ยวมากพอๆกับที่คุณทำในฐานะฟุตบอลอาชีพในแต่ละฤดูกาล'
'แต่ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน และเวลานั้นก็จบลงแล้ว คงน่าเสียดายที่ต้องมานั่งร้องไห้ให้กับอดีต'