:::     :::

คนที่ใช่...(ใช่ป่ะ?)

วันอาทิตย์ที่ 03 พฤศจิกายน 2567 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
463
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รูเบน อาโมริม เรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลระหว่างที่เขาฝึกงานภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งผ่านมาแล้ว 6 ปี

โค้ชชาวโปรตุเกสวัย 39 ปี ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่เป็นผู้จัดการทีมในประเทศบ้านเกิด แต่ปัจจุบันโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับความท้าทายใหม่ของเขาแล้ว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ได้ประกาศแต่งตั้ง อาโมริม เข้ามาเป็นกุนซือถาวรคนใหม่แทนที่ เอริก เทน ฮาก ซึ่งจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤศจิกายน

เขาเคยมีข่าวอย่างหนักกับ ลิเวอร์พูล หลังจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจออกจาก หงส์แดง เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้พูดคุยกับ เวสต์แฮม เกี่ยวกับการเป็นกุนซือของพวกเขาด้วย นอกจากนี้ อาโมริม ยังถูกกล่าวถึงว่าอาจจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ มาแล้ว

หลังจากนำ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ด้วยวัยเพียง 36 ปี ในปี 2021 และคว้าแชมป์สมัยที่ 2 กับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ตอนนี้ อาโมริม พร้อมแล้วหรือยังสำหรับความท้าทายในพรีเมียร์ลีก?


ทำไมต้องเล่นหลังสาม?

อดีตกองกลางของ เบนฟิก้า และทีมชาติโปรตุเกส อย่าง อาโมริม เลิกเล่นฟุตบอลในปี 2018 และสร้างผลงานในฐานะโค้ชในปีถัดมา เมื่อช่วงเวลาที่น่าประทับใจในการคุมทีมสำรองของ บราก้า ทำให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่

ชัยชนะ 10 จาก 13 เกม รวมถึงชัยชนะครั้งแรกเหนือ เบนฟิก้า ในรอบ 65 ปี ในไม่ช้ามันก็ดึงดูดความสนใจของสโมสรใหญ่ และ สปอร์ติ้ง ก็กระตือรือร้นที่จะเซ็นสัญญากับเขาอย่างมากจนยอมจ่ายเงิน 10 ล้านยูโร เพื่อแต่งตั้งให้เขาเป็นกุนซือในเดือนมีนาคม ปี 2020

ผู้เชี่ยวชาญในฟุตบอลยุโรปอย่าง กีเยม บาลาเก กล่าวกับ บีบีซี สปอร์ต ว่า "อาชีพโค้ชของเขาเริ่มต้นที่ คาซ่า เปีย ซึ่งตอนนั้นเป็นสโมสรระดับดิวิชั่น 3 และเกือบจะจบลงทันทีที่เริ่มต้น"

"เขาคุมทีมแพ้ 2 เกมแรก และด้วยความภูมิใจที่เจ็บปวดและความสงสัยที่เริ่มก่อตัวขึ้น เขาจึงประกาศว่าหากเขาแพ้เกมที่ 3 เขาก็จะยอมออกเลย ในนัดถัดมาเขาเปลี่ยนระบบและเล่นแบบสามเซนเตอร์แบ็กเป็นครั้งแรก"

"ระบบนี้ได้ผล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่แพ้ใครเลยในสโมสรนั้น เขารู้สึกว่าเขาค้นพบแผนการเล่นที่ทำให้เขาสามารถเล่นฟุตบอลอย่างที่เขาต้องการได้ ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับฟอร์มอันน่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ ด้วย"

"จากนั้น เขาก็ไม่มีถอยหลังเลย เพราะเขาย้ายไป บราก้า และ สปอร์ติ้ง"

นั่นคือค่าตัวผู้จัดการทีมที่แพงที่สุดอันดับสาม แต่ในไม่ช้าเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเงินที่คุ้มค่า เพราะ อาโมริม พาสโมสรไม่แพ้ใคร 32 นัดติดต่อกัน จนคว้าแชมป์ลีก คัพ โปรตุเกส และยุติการรอคอยแชมป์ลีกที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ ซึ่งพวกเขาทำได้สำเร็จอีกครั้งในฤดูกาลที่แล้ว

อาเบล ซาเวียร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกสที่ใช้เวลาอยู่กับ อาโมริม ในขณะที่พวกเขาทำงานโค้ช และประทับใจกับสิ่งที่เขาเห็นตั้งแต่เริ่มแรก

"เขาเป็นคนถ่อมตัว รอบคอบ และมีความคิดที่ชัดเจนมาก" เขากล่าวกับ บีบีซี

"ที่ บราก้า เราเห็นผลกระทบในทันที เพราะด้วยทีมชุดเดิม ผู้เล่นชุดเดิม เขาเปลี่ยนแปลงทีมได้"

"เขาใช้แนวคิดของเขาเอง เขาเปลี่ยนแปลงไดนามิก เขาสร้างความเข้าใจ และแน่นอนว่าสโมสรใหญ่อย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยอมจ่ายเงินเพื่อจ้างเขา"


ฟุตบอลของ อาโมริม คือประเภทไหน?

เขาอาจได้เรียนรู้กับ มูรินโญ่ และยังคงเป็นเพื่อนสนิทกับอดีตกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่หลักการเล่นฟุตบอลของเขาน้ันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

"อาโมริม ยอมรับว่าเขายังคงเพิ่มพูนความรู้ให้กับวิธีการของเขา แต่เขาก็ยังคงเชื่อด้วยว่าฟุตบอลจะสมเหตุสมผลได้ก็ต่อเมื่อผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน" บาลาเก กล่าว

"นอกเหนือจากบทเรียนเหล่านั้นจาก จอร์จ เชซุส อดีตโค้ชของเขาแล้ว อาโมริม ยังมองอย่างใกล้ชิดถึงผู้ที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติพิเศษในฐานะผู้นำ ซึ่งรวมถึง มูรินโญ่ ด้วย"

"อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่หลงไหลในฟุตบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยการทำประตู ครองบอลและครองเกม เขาทำให้คนดูพอใจ"

ผู้เล่นหลายคนในพรีเมียร์ลีกคุ้นเคยกับรูปแบบการคุมทีมของ อาโมริม ไม่ว่าจะเป็น มานูเอล อูการ์เต้ ของ ยูไนเต็ด, มาเตอุส นูเนส ของ แมนฯ ซิตี้, เปโดร ปอร์โร่ ของ สเปอร์ส และ ชูเอา ปาลินญ่า ของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่เขาพาคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2020-21

ที่ สปอร์ติ้ง กุนซือวัย 39 ปี มักนิยมใช้แผนการเล่น 3-4-3 โดยเล่นแบบบล็อกต่ำพร้อมวิงแบ็กเล่นเกมรุกที่ดันขึ้นสูงในสนาม

ในตอนที่ไม่มีบอล พวกเขาก็จะไล่บีบอย่างเกรี้ยวกราดและสวนกลับเร็วเมื่อเอาบอลมาได้

บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นแฟนตัวยงของเขาเช่นกัน

"ผมคิดว่าคุณสมบัติทั้งหมดมีอยู่ในฟุตบอลอังกฤษม ฝรั่งเศส หรือสเปน" เขากล่าวเมื่อปีที่แล้ว

"เห็นได้ชัดว่าเราทราบดีว่าพรีเมียร์ลีกอาจเป็นที่ต้องการมากที่สุด คุณสมบัติ (ที่จะประสบความสำเร็จในอังกฤษ) มีอยู่แล้ว และในความคิดของผม เขาก็มีทุกอย่างที่จะก้าวต่อไปได้"

บาลาเก กล่าวเสริมว่า "อาโมริม เป็นเหมือนฟองน้ำ หลังการซ้อมและประชุม เขาชอบใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในออฟฟิสที่บ้านเพื่อดูเกม อ่านเกี่ยวกับฟุตบอลและผู้จัดการทีม จัดระเบียบการประชุมทางซูมกับผู้คนที่เขาสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้"

"เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี และสื่อที่เขาอ่านล่าสุดได้แก่ หนังสือเกี่ยวกับ กวาร์ดิโอล่า, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ โชเซ่ มูรินโญ่"

การประสบความสำเร็จในโปรตุเกสและการทำเช่นเดียวกันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันมาก

เทน ฮาก ออกจากสโมสรโดยที่ทีมรั้งอันดับ 14 ในพรีเมียร์ลีก โดยชนะเพียง 3 จาก 9 นัดแรก ดังนั้นทำไม อาโมริม จึงจะเป็นคนที่ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีตไม่ได้ล่ะในเมื่อเหล่ากุนซือชื่อดังก่อนหน้าเขาต่างล้มเหลวไปหมดแล้ว

"ในสนาม เขาทำได้เสมอ" มาร์คุส อัลเวส นักข่าวฟุตบอลโปรตุเกสกล่าว

"แม้กระทั่งการขายนักเตะออกไปอย่างต่อเนื่องก็ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ภายใต้การคุมทีมของ อาโมริม ไม่มีนักเตะคนใดที่ทดแทนไม่ได้ และสำคัญไปกว่าสโมสร"

"'งานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ แต่ สปอร์ติ้ง ก็เช่นกันเมื่อตอนที่ อาโมริม เปิดตัวเป็นเฮดโค้ชเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2020"

"อาโมริม เป็นคนพูดจาฉะฉานและเข้ากับคนได้ง่าย เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และพูดจาได้คล่องจน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยเรียกเขาว่า 'กวี' ในตอนอยู่ทีมชาติ"

"เหนือสิ่งอื่นใด ชายวัย 39 ปี คนนี้จะไม่ยอมให้ใครมาขาดความเป็นมืออาชีพ เขาคือคนที่ทำให้ทีมที่เคยมีความขัดแย้งสงบลงได้ เขาสามารถทำเช่นนั้นได้สองครั้งถ้าเขาได้รับอนุญาต"


ทำไมเขาถึงยอมออกจาก สปอร์ติ้ง?

ย้อนกลับไปตอนที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นสำหรับ อาโมริม

"ในเรื่องของ มูรินโญ่ อาโมริม ได้เรียนปริญญาโทซึ่งรวมถึงการฝึกงานภายใต้การดูแลของ มูรินโญ่ ด้วย เขาใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในแมนเชสเตอร์กับเขา" อัลเวส กล่าว

"น่าจะเป็นในปี 2017 มั้ง และยังมีคลาสที่ มูรินโญ่ เปิดเผยว่า ยูไนเเต็ด เอาชนะ อาแจ็กซ์ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ได้อย่างไรด้วย"

บาลาเก กล่าวเสริมว่า "ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขาเป็นที่ทราบกันดี โดยเฉพาะกับผู้สนับสนุนของเขาในช่วงแรกๆ ของการเป็นผู้จัดการทีม คาซ่า เปีย ก่อนที่จะพบว่าตัวเองต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก"

"เขาไม่เคยลืมช่วงเวลาเหล่านั้น และยังคงช่วยเหลือและจ่ายเงินค่าที่พักให้กับนักฟุตบอล คาซ่า เปีย บางคนที่เขาเคยร่วมงานด้วยในช่วงเวลานั้น"

แต่ทำไมต้องเป็นตอนนี้ล่ะที่เขาเลือกย้ายไปยังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด?

อันที่จริง อาโมริม อาจตัดสินใจว่าจะออกจาก สปอร์ติ้ง ไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และเขาก็ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าจะเข้ามาแทนที่ กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ หากว่ากุนซือชาวสเปนตัดสินใจออกจากถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ในฤดูกาลนี้

บาลาเก กล่าวว่า "ความรู้สึกคือโปรตุเกสเล็กเกินไปสำหรับเขา และเขาก็พร้อมที่จะก้าวไปสู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก"

"ตอนนี้เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเขาอยากรู้ว่าวิธีการจัดการอย่างใกล้ชิดของเขากับผู้เล่น กับแท็คติก กับแฟนๆ และสื่อ จะได้ผลนอกเหนือจากคอมฟอร์ตโซนที่คุ้นชินมาทั้งชีวิตของเขาหรือไม่


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด