ผู้กอบกู้บราซิล?

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
341
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คาร์โล อันเชล็อตติ ตกลงที่จะเข้ามาเป็นเทรนเนอร์ทีมชาติบราซิล

มันถือเป็นหนึ่งในการแต่งตั้งที่น่าจับตามองที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลระดับทีมชาติ

สำหรับทีมที่ผูกพันกับเอกลักษณ์เกมที่สวยงามของชาติอย่างลึกซึ้ง การตัดสินใจนำโค้ชชาวต่างชาติซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดโค้ชของยุโรปเข้ามาถือเป็นสัญญาณของความปรารถนาที่จะคว้าแชมป์ และความทะเยอทะยานของทัพ เซเลเซา ที่กำลังดิ้นรนเพื่อพลิกสถานการณ์

"อันเชล็อตติ เป็นตัวเลือกหลักเพราะเขามีประเพณีแห่งความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยคว้าแชมป์ได้ใน 5 ประเทศ" ทิม วิคเกอรี่ ผู้เชี่ยวชาญวงการฟุตบอลอเมริกาใต้กล่าว

คำถามคือ กับฟุตบอลโลก ปี 2026 ที่กำลังใกล้เข้ามา อันเชล็อตติ จะสามารถแก้ไขทีมชาติบราซิลได้หรือไม่?


เกิดอะไรขึ้นกับ บราซิล?

ความโดดเด่นของฟุตบอล บราซิล ลดลงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

แม้จะคว้าแชมป์โกปา อเมริกา ได้ 2 ครั้งในปี 2007 และ 2019 แต่สถิติของพวกเขาในฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นเครื่องวัดความสำเร็จสูงสุด กลับน่าผิดหวัง

พวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลยนับตั้งแต่ได้สมัย 5 เมื่อปี 2002 และการตกรอบเมื่อไม่นานมานี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความตกต่ำอย่างเจ็บปวด

ความตกต่ำที่สุดเกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อ บราซิล ซึ่งเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกแพ้ เยอรมัน 1-7 ในรอบรองชนะเลิศ

เบลเยียม ทำผลงานได้ดีกว่า บราซิล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ปี 2018 ขณะที่ความหวังในการคว้าแชมป์ปี 2022 ก็ดับสูญไปจากการแพ้ โครเอเชีย ในช่วงดวลจุดโทษของรอบ 8 ทีมสุดท้าย

"ทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ตั้งแต่ปี 2002 จบลงทันทีที่ทีมต้องเจอกับทีมจากยุโรปในรอบน็อคเอาต์" วิคเกอรี่ กล่าว

"มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่พวกเขาต้องการเอาชนะ และอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาเลือกโค้ชจากยุโรปในครั้งนี้ พวกเขาบอกว่า 'ถ้าเราอยากชนะพวกเขาในครั้งหน้า เราต้องการใครสักคนที่รู้จักพวกเขา"

การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ของ บราซิล ในปัจจุบันนั้นก็น่าตกใจมาก

พวกเขาน่าจะผ่านเข้ารอบได้แบบสบายๆ แต่การแข่งขันที่เลวร้ายรวมถึงการแพ้ อาร์เจนตินา แบบน่าอาย 1-4 ทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อหาคำตอบ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีกุนซือที่เข้ามาแล้วก็ออกไปท่ามกลางเสียงเรียกร้องต้องการทีมที่ชนะ

ตีตี้ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือได้นำความสงบและความภาคภูมิใจมาสู่ทีม แต่เขาลาออกไปแล้วตามแผนที่วางไว้หลังจากการแข่งขันที่กาตาร์ในปี 2022 โดริวาล จูเนียร์ เฮดโค้ชคนล่าสุดของทีมถูกไล่ออกหลังจากเหตุการณ์ที่อาร์เจนตินา

สิ่งนี้ทำให้สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ต้องปรับใช้แผนอันกล้าหาญด้วยโปรเจ็กต์ อันเชล็อตติ

มันจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคม เมื่อกุนซือชาวอิตาเลี่ยนวัย 65 ปี รายนี้สิ้นสุดช่วงเวลาทำงานที่ เรอัล มาดริด ซึ่งคาดว่า ชาบี อลอนโซ่ จะเข้ามาสือทอดต่อ

วิคเกอรี่ กล่าวว่า "เราได้ยินมาเมื่อปีที่แล้วว่านักเตะซีเนียร์ไม่เอา โดริวาล จูเนียร์ แต่กับ คาร์โล อันเชล็อตติ แล้วจะไม่เป็นแบบนั้น"

"เขามีความน่าเชื่อถือทันทีในห้องแต่งตัว"


ชาวต่างชาติ

ตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษของฟุตบอลทีมชาติ สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล ไม่ค่อยไว้วางใจกุนซือต่างชาติให้ทำหน้าที่สักเท่าไหร่

มีชาวต่างชาติเพียง 3 คนเท่านั้นที่เคยคุมทีม และพวกเขาก็คุมทีมรวมกันเพียงแค่ 7 เกมเท่านั้น

ราโมน พลาเตโร่ ชาวอุรุกวัย เป็นคนแรกในปี 1925 และคุมทีมได้ 4 เกม ถัดมา โชเรก้า จากโปรตุเกส คุมได้ 2 เกมในปี 1944 และ ฟิลโป นูนเญซ ชาวอาร์เจนตินา เป็นกุนซือต่างชาติคนล่าสุด คุมเกมเดียวในปี 1965

เรื่องราวที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นในลีกของประเทศอย่างซีรี่ส์ เอ โดยความรู้สึกที่มีมาตลอดก็คือเฉพาะชาวบราซิลเท่านั้นที่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าการเล่นฟุตบอลที่นั่นหมายความว่าอย่างไร

วัฒนธรรมนี้เปลี่ยนไปไม่นานหลังจากที่ จอร์จ เชซุส โค้ชชาวโปรตุเกส ซึ่งมีรายงานจากภายนอกเมื่อไม่นานมานี้ว่าเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตของตำแหน่งกุนซือทีมชาติบราซิล เข้ามาคุม ฟลาเมงโก เมื่อปี 2019

การมาถึงของเขาในช่วงแรกนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางข้อสงสัยว่าระบบยุโรปที่เน้นปฏิบัติจริงจะนำมาซึ่งความสำเร็จได้หรือไม่

เชซุส นำ ฟลาเมงโก คว้าแชมป์ลีก รวมถึงโกปา ลิเบอร์ตาดอเรส โดยสโมสรจากรีโอเดจาเนโร ประสบความสำเร็จสูงสุดในการเล่นฤดูกาลเดียว ทีมของเขาชนะ 43 จาก 57 เเกม ก่อนที่ เชซุส จะลาออกไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020

ตั้งแต่นั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศที่ให้การยอมรับโค้ชต่างชาติ และตอนนี้ก็ส่งผลกระทบต่อเวทีระดับทีมชาติด้วย

"นี่คือกำแพงที่สำคัญที่กำลังพังทลายลง" วิคเกอรี่ กล่าว

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ดูเหมือนว่า อันเชล็อตติ ต้องการทำหน้าที่นี้จากยุโรป ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาก"

อันเชล็อตติ จะเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้คุมทีม โดยมีตู้โชว์ถ้วยรางวัลที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ซึ่งรวมถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย และความสำเร็จจากถ้วยรางวัลในประเทศอิตาลี, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน และเยอรมัน


สิ่งที่ อันเชล็อตติ สามารถนำเข้ามา

จุดแข็งอย่างหนึ่งของ อันเชล็อตติ อยู่ที่ความสามารถในการทำให้ทีมมั่นคงโดยไม่ต้องมีเรื่องดราม่า ท่าทีที่สงบนิ่งของเขาซึ่งมักจะแสดงออกด้วยการยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในช่วงเวลาสำคัญ ช่วยให้ห้องแต่งตัวที่ทรงพลังที่สุดในโลกบางแห่งมีความมั่นคง

"อันเชล็อตติ เป็นตัวเลือกหลักเพราะเขามีประเพณีแห่งความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้" วิคเกอรี่ กล่าว

แม้ว่าฤดูกาล 2024-25 กับ เรอัล มาดริด จะพิสูจน์ว่าเป็นงานยาก โดยทีมของเขาแพ้ บาร์เซโลน่า ในรอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ และถูก อาร์เซน่อล เขี่ยตกรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ความสำเร็จในอดีตก็มีความสำคัญมากสำหรับ อันเชล็อตติ

เขาปลูกฝังวัฒนธรรมและความคิดระดับสูงตลอดเวลาที่เขาอยู่ในเมืองหลวงของสเปน เพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ เราไม่จำเป็นต้องมองไปไกลกว่าการวิ่งอันนน่าทึ่งของ เรอัล มาดริด สู่ตำแหน่งแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2022 ภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ

การคัมแบ็กคว้าชัยจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในการเจอกับ เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ตามมาด้วยชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ

มาดริด ได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ของโค้ช แต่ยังแสดงผลงานด้วยอารมณ์ที่นิ่งเป็นพิเศษ

อารมณ์ร่วมเช่นนี้สามารถยกระดับทีมชาติบราซิลที่มักจะทำผลงานได้ไม่ดีเมื่อเผชิญหน้ากับความคาดหวังและแรงกดดันที่สูงได้

ฟุตบอลบราซิลต้องต่อสู้ดิ้นรนระวหว่างสองระบบมาอย่างยาวนาน ซึ่งก็คือความสามารถของสไตล์แซมบ้า และความจริงจังที่จำเป็นในการชนะระดับสูงที่สุด

พรสวรรค์ของ อันเชล็อตติ อยู่ที่การผสมผสานตัวตนเหล่านี้ตลอดอาชีพของเขา

เอซี มิลาน ของเขาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 มีนักเตะชื่อดังอย่าง เปาโล มัลดินี่, อันเดรีย ปีร์โล่ และ กาก้า พวกเขาเล่นแบบครองเกมและสง่างามซึ่งมีความยืดหยุ่นในเกมรับ แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เมื่อต้องเดินหน้าบุก

เขาใช้แนวทางเดียวกันนี้ในช่วงที่สองกับ มาดริด ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2021

มีโครงสร้างที่ไม่อึดอัด ช่วยให้พรสวรรค์ของผู้เล่นชาวบราซิลอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ แสดงออกมาในขณะที่ยังคงความมีวินัย

"วินิซิอุส จูเนียร์ ชอบทำงานกับเขามาก เขาจะยินดีกับการแต่งตั้งครั้งนี้" วิคเกอรี่ กล่าว

"ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น คุณยังอาจได้เห็นกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง กาเซมีโร่ กลับมาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นในตำแหน่งที่น่ากังวล"

กองหน้าอย่าง วินิซิอุส และ โรดรีโก้ มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของ ราชันชุดขาว และ อันเชล็อตติ

ยิ่งเฉพาะกับ วินิซิอุส ที่แม้จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรสเปน แต่ผลงานของเขากับ บราซิล ดันไม่ค่อยดีนัก และสถิติของเขาก็ทำได้เพียง 6 ประตู จากการลงเล่น 39 นัด

นักวิจารณ์โต้แย้งว่าเขามีปัญหาเพราะแท็คติกที่แตกต่างกัน แต่ อันเชล็อตติ รู้ดีว่าจะทำให้ดีที่สุดได้อย่างไร โดยทำให้บทบาทของเขาเรียบง่ายขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง และให้ความอิสระภายในระบบที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน

"อันเชล็อตติ จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนเสียงวิจารณ์ใดๆ ที่ทีมได้รับ ซึ่งจะช่วยลดความกดดันให้กับนักเตะ" วิคเกอรี่ กล่าว

"จะมีบางคนในกลุ่มโค้ชของบราซิลที่ต้องการให้เขาล้มเหลว แต่คนที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือนักเตะ"

ดังนั้นอย่าเข้าใจผิด การแต่งตั้ง อันเลช็อตติ เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับ บราซิล ซึ่งเป็นการแสดงออกว่าพวกเขายินดีที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับมาอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดของโลกฟุตบอลอีกครั้ง

หาก อันเชล็อตติ สามารถนำความมั่นคงในแบบของเขามาสู่ทีมได้ ขณะเดียวกันก็ปลอปล่อยผู้เล่นอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และอาจถึงขั้นชักชวนให้ เนย์มาร์ เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์อันมหัศจรรย์ครั้งสุดท้าย เขาอาจเป็นคนที่จะนำ บราซิล กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง

หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจไม่เพียงแค่แก้ไข บราซิล เท่านั้น แต่เขายังสามารถกำหนดความหมายใหม่ของนิยามฟุตบอล บราซิล ในยุคปัจจุบันได้อีกด้วย


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด