"ผมมีความกังวลหลายอย่าง" เขาตอบ "แต่มันไม่ใช่กับสิ่งนี้
กวาร์ดิโอล่า อาจกำลังพิจารณาคำตอบนั้นอีกครั้ง
เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซิตี้ ต้องถูกคู่แข่งไล่ตามตีเสมอถึงสองครั้งในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเสมอกับ โมนาโก 2-2 และประตูตีเสมอที่สองเกิดขึ้นในนาทีที่ 90 จากลูกจุดโทษของ เอริก ดายเออร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ
เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้านอร์เวย์ ยังคงฟอร์มการทำประตูอันยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง โดยทำให้ เรือใบสีฟ้า ได้สองประตู แต่สุดท้ายมันกลับทำให้เขาต้องวิจารณ์ฟอร์มโดยรวมของทีมอย่างรุนแรง
สองประตูของ ฮาแลนด์ ทำให้เขายิงในแชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 52 ลูกจากการลงสนาม 50 นัด แต่เขากล่าวว่าเขา "ไม่ได้คิดถึงมันมาก" ในเรื่องของสถิติ และ "แค่ทำหน้าที่ของตัวเอง"
"มันยังไม่ดีพอ" ฮาแลนด์ กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับฟอร์ม
"แน่นอนว่าผมรู้สึกไม่ดีที่เราไม่ชนะ เราทำอะไรที่ไม่จำเป็นในครึ่งหลัง และเราคิดว่าเราเล่นได้ไม่ดีพอ เราไม่สมควรชนะ"
"เราต้องการพลังงานมากกว่านี้ เราต้องเล่นให้หนักขึ้น เหมือนที่เราทำในครึ่งแรกและครองเกมให้มากกว่าเดิม ครึ่งหลังพวกเขาดูเหมือนกว่ามาก และผมคิดว่ามันยังไม่ดีพอ"
"ทุกเกมในแชมเปี้ยนส์ลีกมันยาก ลองดูปีที่แล้วตอนที่เราตกรอบสิ มีทีมไม่มากนักที่ชนะสองเกมแรก"
กระแสความน่ากังวล
ซิตี้ กำลังจะคว้าชัยชนะสองนัดติดต่อกันในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ แต่จุดโทษในนาทีสุดท้ายอันไร้ความปรานีของ ดายเออร์ ช่วยให้ โมนาโก ตีเสมอได้
ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ไม่แพ้ใครมา 6 นัดติดต่อกัน แต่เริ่มมีกระแสที่น่ากังวลคือการเสียประตูในช่วงท้ายเกม
จนถึงตอนนี้พวกเขาเสียไปแล้ว 8 ประตูในทุกรายการ แต่ครึ่งหนึ่งของประตูเหล่านั้นเกิดขึนในช่วงเวลาสำคัญของแต่ละครึ่ง
- 23 สิงหาคม : แพ้ สเปอร์ส 0-2 ในบ้ายนตัวเอง หลังจากเสียประตูในนาทีที่ 3 ของช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก
- 31 สิงหาคม : แพ้ ไบรท์ตัน 1-2 หลังจากเสียประตูในนาทีที่ 89
- 21 กันยายน : เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 หลังเสียประตูในนาทีที่ 93
- 1 ตุลาคม : เสมอ โมนาโก 2-2 หลังจากเสียประตูในนาทีที่ 90
นั่นหมายความว่า ซิตี้ ทำ 3 ในพรีเมียร์ลีกหลุดมือหลังจากเสียประตูในนาทีที่ 89 หรือหลังจากนั้น ทั้งที่พวกเขาน่าจะมีแต้มเท่า อาร์เซน่อล ทีมอันดับสอง และเสียไปอีก 2 แต้ม ในแชมเปี้ยนส์ลีก
นี่ถือเป็นโอกาสที่พลาดไปสำหรับความหวังที่จะแก้ไขสถิติการเล่นนอกบ้านที่ย่ำแย่ในฟุตบอลยุโรป ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะเกมเยือนในรายการนี้มา 5 นัดติดต่อกันแล้ว
ผลการแข่งขันนี้เกิดขึ้นหลังจากฤดูกาลที่แล้วพวกเขาผิดหวังที่ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้เลย หลังตกรอบเพลย์ออฟแชมเปี้ยนส์ลีก และจบอันดับสามในพรีเมียร์ลีก
"คุณอาจจะไม่ตื่นตระหนก" นิคกี้ บัตต์ อดีตกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวในรายการ แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์
"ทุกคนต้องการชัยชนะในเกมของตัวเอง และได้รับคำยกย่องว่าเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม แต่การทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปีนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ"
"แมนฯ ซิตี้ ทำได้มาหลายปีแล้ว แต่พวกเขากำลังดิ้นรนเล็กน้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเขามีผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมและชนะในการแข่งขันและถ้วยรางวัลใหญ่ๆ ได้"
"พวกเขาจะอยู่ที่นั่นหรือใกล้เคียง พวกเขาแค่ต้องรวมทีมให้เข้าที่เข้าทางและฟิตสมบูรณ์ก่อนปีใหม่"
การเล่นเกมรับแบบ 'งี่เง่า' แต่มันควรเป็นจุดโทษรึเปล่า?
เวลาใกล้จะหมดแล้ว เมื่อ ดายเออร์ ก้มลงไปโหม่งลูกฟรีคิก แต่กลับถูก นิโก้ กอนซาเลซ ตัวสำรองของ แมนฯ ซิตี้ เตะเข้าไปที่ศีรษะ
อดีตดาวเตะ สเปอร์ส ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการยิงจุดโทษ หลังจากต้องรอกว่า 5 นาทีกว่าจะได้ยิง เนื่องจากผู้ตัดสินมีการเช็กเหตุการณ์ที่จอวีเออาร์ข้างสนาม และความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองทีม
กวาร์ดิโอล่า รู้สึกว่า กอนซาเลซ "สัมผัสโดนบอลก่อน" และ "ไม่มีเจตนา" ที่จะทำฟาวล์ ดายเออร์ ขณะที่ ฮาแลนด์ สรุปว่าเขายังไม่ได้ดูเหตุการณ์นั้นซ้ำ "แต่ถ้าคุณเตะหน้าใคร ผมเดาว่านั่นคือจุดโทษ"
บัตต์ เสริมว่า "กองหลังค่อนข้างจะขี้เกียจ ดายเออร์ วิ่งจากแนวลึกมาอย่างแข็งแกร่งและดุดัน แต่กองหลังกลับปล่อยให้เขาเล่นงานพวกเขา"
"ไม่มีการปะทะกันมากนัก แต่เป็นเรื่องโง่จริงๆ ที่ทำมันในกรอบเขตโทษของการเล่นเกมใหญ่ในนาทีสุดท้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะให้จุดโทษ แค่เห็นภาพบนหน้าจอสักวินาทีก็เป็นจุดโทษในฟุตบอลยุโรปแล้ว"
เนดุม โอนูโอฮา อดีตกองหลัง แมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า "เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นนักเตะอังกฤษยิงจุดโทษ" ในปีของฟุตบอลโลก
แต่นั่นไม่ใช่การรับชมที่น่าพอใจสำหรับฝั่ง ซิตี้ เลย
