มวยไทยซีเกมส์ วุ่นวายตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง

ทั้งนี้คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยอ้างว่าผลงานของทีมมวยไทยไม่ดีพลาดเหรียญทองในการแข่งขันเวิลด์เกมส์ที่จีน เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เกรงว่าจะพลาดเป้าในการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ซึ่ง “มวยไทย” มีการชิงกันถึง 18 เหรียญทอง แยกเป็นประเภทต่อสุ้ 16 เหรียญ (ชาย 10 หญิง 6) และ ประเภทไหว้ครู อีก 2 เหรียญ

โดย คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย สั่งการให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมกับสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดแข่งขันประลองฝีมือกันเมื่อ 29 กันยายนที่ผ่านมา

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยรายชื่อนักชกทีมชาติไทย ที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ออกมาแล้ว รวม 16 คน

การสั่งมีการประลองกับนักมวยไทยอาชีพใหม่ ถือเป็นเรื่องที่ปั่นทอนจิตใจของนักชกทีมชาติไทยที่ผ่านการคัดตัวมาก่อนหน้านี้แล้วพอสมควร

เนื่องด้วยพวกเขาเหล่านั้นต้องผ่านการคัดตัวตามกำหนดที่เปิดคัดเลือก 21-28 เมษายน ซึ่งนักกีฬาที่มาคัดเลือก็ต้องเก็บตัวฝึกซ้อมมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ได้ชกมวยอาชีพ ไม่มีรายได้ แต่มาวันนี้ ทางโอลิมปิกไทยกลับเปิดโอกาส ให้นักมวยอาชีพ มาคัดตัวโดยไม่ต้องผ่านการชกคัดตัวเลย มันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาที่ทำตามกฏกติกาของสมาคมมาตลอด

ทั้งนี้ในการประลอง ทางคณะกรรมการร่วมให้ชิงชัยกัน 5 รุ่น แต่ในวันแข่งจริง ในรุ่น 57 กก.ชาย บุญโชติ ส.บุญมีฤทธิ์ ทำน้ำหนักไม่ผ่านจึงไม่ได้ขึ้นชก เหลือเพียง 4 คนที่ลงประลอง

ผลปรากฏว่า นักมวยไทยชุดซีเกมส์ เดิมชนะ นักมวยไทยอาชีพทั้ง 4 คน

รุ่น 51 กก.หญิง กุลณัฐ อ่อนอก ชะน็อก อนุธิดา แสงขาว ยก 1

รุ่น 54 กก.หญิง นิรวรรณ ตังจิว ชนะคะแนน จันทร์จิรา แสงศรี

รุ่น 51 กก.ชาย ฉลองชัย มีนิลดี ชะน็อก วรุตน์ ทองบ่อ ยกแรก

รุ่น 54 กก.ชาย ธงชัย หัวนาค ชนะคะแนน ณัฐวัตร ภู่เหมาะ

เรื่องนี้นับเป็นแผลในใจของนักกีฬาทั้งชุดซีเกมส์ และ นักมวยไทยอาชีพ ที่ต้องมาลงแข่งตามคำสั่งของ คณะกรรมการโอลิมปิก ที่ล้วงลูกแบบไม่เกรงใจใคร

ตัวนักมวยที่ลงแข่งต่างก็ขึ้นชกด้วยความกลำกลืนฝืนทน นักมวยที่ผ่านการคัดตัวซีเกมส์ ก็ชกด้วยความเจ็บใจ ส่วนนักมวยไทยอาชีพ ก็ชกด้วยความหวั่นใจ ว่าหากชนะแล้วได้ติดทีมแทนเพื่อน จะเข้าหน้ากับนักมวยคนอื่นหรือโค้ชในทีมได้หรือเปล่า  

วงการกีฬาไทย ยังคงไม่พัฒนาไปไหนหากผู้บริหารยังคิดกันไม่เป็นเห็นแก่ประโยชน์พวกพ้อง ต้องการให้นักกีฬาในสังกัดของตัวเองได้มีเอี่ยวกับเงินอัดฉีดที่คาดกันว่าได้ไม่ยาก ข้ออ้างที่บอกว่ากลัวไม่ได้เหรียญทอง ฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย นักมวยไทย จัดชกในไทย ยังไม่เห็นมวยไทยจะประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนคนไหนจะเอาชนะได้เลยต่อให้สู้กันแบบไม่เอียง ก็แพ้ยากมาก

จึงไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องมาคัดตัวใหม่ในครั้งนี้ นอกจากจะทำร้ายจิตใจของนักกีฬาทั้งคนแพ้และคนชนะแล้วยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตราฐานของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยอย่างแท้จริง