ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละครของ "อำนาจ รื่นเริง"

บนสังเวียนผ้าใบ “อำนาจ รื่นเริง” เคยเป็นนักสู้ไร้เทียมทาน ผู้ชายตัวเล็กที่เคยชกจนโลกต้องตะลึง เขาคืออดีตแชมป์โลก IBF รุ่นฟลายเวต ผู้สร้างตำนานจากสองมือเปล่า ทว่าในชีวิตจริงนอกเวที วันนี้เขากลับล้มลงโดยไม่มีกรรมการนับ… เพราะคู่ชกครั้งนี้ไม่ใช่คน ไม่ใช่หมัด ไม่ใช่ศอก แต่คือ “ความโดดเดี่ยว ความสูญเสีย และโรคซึมเศร้า” ที่ซัดซ้ำไม่หยุด
หากชีวิตคนเราคือบทกวี บทของ “อำนาจ รื่นเริง” คงไม่ใช่ร่ายยาวไพเราะ หากแต่เป็นกลอนสั้นกระชับที่จบลงด้วยหมัดหนักกลางหน้าอกผู้อ่าน เพราะมันทั้งเจ็บ ทั้งจริง และทั้งโหดร้ายเกินกว่าจะมองข้ามได้
นี่คือเรื่องของเด็กชายคนหนึ่ง…
ที่ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ใช้ชีวิตอยู่กับยายเพียงลำพัง 2 คน มีเพียง “หมัด” และ “ความหิว” เป็นเพื่อนสนิท เขาชกมวยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ไม่ใช่เพราะอยากดัง แต่เพราะอยากมีชีวิตรอด
ชื่อแรกของเขาบนเวทีคือ “เพชร ป.บูรพา”เพราะในวันที่ทั้งโลกไม่จำชื่อเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เวทีลุมพินีกลับจดจำเสียงหมัดของเขา สามารถคว้าแชมป์รุ่นฟลายเวทของเวทีลุมพินีได้สำเร็จ
จากนั้น จุดเปลี่ยนแรกของชีวิตมาถึง…เขาพลาด — และโลกไม่เคยใจดีต่อคนที่พลาด อำนาจ ต้องคดียาเสพติด วิ่งราวกระเป๋า ต้องชดใช้ด้วยเวลา 18 เดือนในเรือนจำ
แต่ที่นั่นเอง ไม่ได้พราก “อำนาจ” ออกไป กลับหลอม “นักสู้” ขึ้นมาใหม่
ด้วยความเป็นนักชกอัจฉริยะเขาขึ้นสู่เวทีโลก ชกมวยสากลสมัครเล่นติดทีมชาติ สร้างชื่อเสียงระดับประเทศด้วยการคว้าเหรียญทองแดง เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2007, เหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ 2010, เหรียญทอง ซีเกมส์ 2 สมัย และ ได้เข้าร่วมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง โอลิมปิก ถึง 2 สมัย แม้จะพลาดเหรียญแต่ก็ได้รับการชกยกย่องว่าเป็นนักชกระดับแถวหน้าของโลก
จากนั้น อำนาจ เบนเข็มมาชกมวยสากลอาชีพ และ เส้นทางนี้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต 112 ปอนด์ IBF และกลายเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก IBF ในปี 2014 เคยเอาชนะ ยอดมวยอย่าง คัตซึโตะ อิโอกะ นักชกไร้พ่ายชาวญี่ปุ่น และ โจว ซื่อ หมิง นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยชาวจีน ก่อนจะมาเสียแชมป์เพราะมีปัญหาเรื่องลดน้ำหนัก แพ้น็อก จอห์น ริว คาเซมิโร่ นักชกฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2016
หลังเสียแชมป์ชีวิตของ อำนาจ ก็เริ่มดำดิ่ง ชกมวยอุ่นเครื่องเป็นบันไดในนักมวยรุ่นน้องอยู่หลายครั้ง ไปเป็นเทรนเนอร์สอนมวย และก็ค่อยๆเงียบหายไปจากวงการ ก่อนจะมีข่าวในสื่อโซเชียล เป็นระยะ จนล่าสุดตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เมื่อ เมาอาละวาดจนโดนวัยรุ่นไล่ชกจนหมดทางสู้หมดสภาพอดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่
ครั้งหนึ่ง เขาชนะบนเวทีระดับโลก วันนั้นทั้งประเทศปรบมือให้เขา
แต่วันนี้… เขากลับนั่งอยู่ลำพังในโรงพยาบาล
เพราะคู่ต่อสู้ครั้งนี้… ไม่ใช่นักมวย แต่คือ “ความทรงจำ”
เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2568 — โลกออนไลน์ได้เห็น “อำนาจ รื่นเริง” คนเดิม แต่ไม่ใช่ในฐานะแชมป์โลก หากในฐานะชายเมาคลุ้มคลั่งที่ทะเลาะวิวาทหน้าร้านสะดวกซื้อ
เขาไม่ได้ต่อยคู่กรณี เขาต่อยชีวิตตัวเองซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว
ญาติเล่าว่า “อำนาจ” กลายเป็นคนเหม่อลอย พูดคนเดียว ร้องไห้กลางคืน เพราะ ครอบครัวแตกสลาย ลูกอยู่ไกล อดีตภรรยาไม่รับสาย ของรักถ้วยแชมป์ที่เคยภาคภูมิใจกลับหายไปกับการย้ายบ้าน
ไม่มีสิ่งใดเหลือให้เขายึดเกาะ
จนต้องหันไปเกาะ “ขวดสุรา” เพื่อหลอกตัวเองว่ายังไหว
แต่โชคดีที่เรื่องนี้… ยังไม่ใช่ตอนจบ
หน่วยงานรัฐลงพื้นที่เยี่ยมดูอาการ“พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชลบุรี” เข้ามายื่นมือ
อำนาจพูดว่า“ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้… แค่ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”
เขาสัญญาว่า เมื่อหายดี จะเลิกเหล้า จะหางาน จะเริ่มต้นใหม่
คำสัญญานั้นยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ชายคนนี้ยังอยาก “ลุก” อยู่
และบางที… สังคมควรหยุดถามว่า “ทำไมเขาถึงพัง” แต่ควรถามว่า “ทำไมเขาถึงไม่มีใครคอยรับตอนล้ม”
เพราะชีวิตไม่ใช่เวทีชกมวยไม่มีกรรมการ ไม่มีเสียงเชียร์บางครั้ง คนที่เคยยืนแชมป์บนเวทีก็ล้มง่ายดายเพียงเพราะ “ไม่มีอ้อมกอดให้กลับไปพัก”
นี่ไม่ใช่ข่าวดราม่า แต่นี่คือการบ้านของสังคมหากเราเคยยืนปรบมือให้ “อำนาจ รื่นเริง” ในวันที่เขายืนบนเวที
วันนี้… ขอให้เรา “เป็นเสียงในใจ” ให้เขาในวันที่เขานอนอยู่ข้างเตียงเพราะครั้งนี้ เขาไม่ได้ชกเพื่อเงิน หรือเข็มขัด
แต่เขาชกเพื่อชีวิตตัวเอง
และหวังว่า…หมัดสุดท้ายของเขา จะไม่ใช่หมัดแห่งความพ่ายแพ้แต่เป็นหมัดที่เขายกขึ้น —ต่อย “โชคชะตา” แล้วหันกลับมายิ้มให้โลกอีกครั้ง
หากนี่คือภาพยนตร์ มันยังไม่จบ… แต่กำลังเข้าสู่ “การกลับมา”ขอเพียงสังคม…อย่าเพิ่งลุกออกจากโรงภาพยนตร์ไปเสียก่อน