ปฏิบัติการปาดหน้าไก่

การคว้าตัว เอเซ่ ของ อาร์เซนอล กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แฟนบอล "ปืนใหญ่" รู้สึกเหมือนทีมกำลังคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งสำคัญอย่าง "ไก่เดือยทอง"
ซัมเมอร์นี้ อาร์เซน่อล ใช้เงินเสริมทัพไปแล้วเกือบ 200 ล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ 6 คน ซึ่งรวมถึงกองหน้าอย่าง วิคตอร์ ยอเคเรส และมิดฟิลด์ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ แต่ดีลของ เอเซ่ คือความสำเร็จที่ทำให้แฟนบอลรู้สึกว่าเป็น "ผู้ชนะ" ในตลาดนักเตะ
ไฮไลต์สำคัญของดีลนี้คือ อาร์เซน่อล สามารถปาดหน้า สเปอร์ส ที่เคยตกลงเงื่อนไขกับ คริสตัล พาเลซ และนักเตะไว้เรียบร้อยในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
เหตุการณ์พลิกผันทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าวันพุธ ดูเหมือนว่า เอเซ่ จะย้ายไปร่วมทีม สเปอร์ส แต่ดีลนั้นไม่สมบูรณ์และล่มลงในที่สุด
เหตุผลหลักคือ คริสตัล พาเลซ ต้องการให้ เอเซ่ อยู่ช่วยทีมในเกมยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เพลย์ออฟ นัดสำคัญกับ เฟรดริกสตัด ในวันพฤหัสบดี พวกเขามองว่าเกมนี้เป็นจุดเปลี่ยนของฤดูกาลและไม่อยากเสียผู้เล่นคนสำคัญไปจนกว่าจะมีตัวแทนที่พร้อม
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือของพาเลซ ยืนยันในงานแถลงข่าวก่อนเกมว่า เอเซ่ และ มาร์ค เกอฮี ซึ่งก็มีข่าวย้ายทีมเช่นกัน ยังคงทุ่มเทให้กับทีมเต็มที่ในตอนนี้
ขณะเดียวกัน อาร์เซน่อล มีการซ้อมแบบเปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ให้สื่อและแฟนบอลดู โดยที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้ลงซ้อมเนื่องจากกำลังถูกตรวจเช็กอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
แม้ยังไม่ชัดเจนว่าอาการจะหนักแค่ไหน แต่สถานการณ์นี้ทำให้ทีมปืนใหญ่รู้สึกว่าต้องรีบเดินหน้าเจรจาคว้าตัว เอเซ่ ให้เร็วที่สุด
การที่ เอเซ่ เคยเป็นเด็กปั้นในอะคาเดมี่ อาร์เซนอล ทำให้การย้ายกลับมายังทีมนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
ข่าวการย้ายทีมถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกัน โดยมีแหล่งข่าวรายงานว่ามี "ความผูกพันทางใจ" ของ เอเซ่ กับ อาร์เซนอล คือเหตุผลสำคัญทำให้ สเปอร์ส ไม่สามารถแย่งตัวไปได้
ในแผนการของ อาร์เซน่อล เอเซ่ ถูกมองเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 10 แต่ทีมก็มี อีธาน วาเนรี่ ที่เพิ่งต่อสัญญาระยะยาวอยู่แล้ว ทำให้สโมสรต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะจัดวางบทบาทของ เอเซ่ อย่างไร
แต่เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บของ ฮาแวร์ตซ์ ที่อาจต้องพักนาน การตัดสินใจเซ็นสัญญา เอเซ่ จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
หลัง อาร์เซน่อล กับ พาเลซ บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกันได้ พาเลซ เปลี่ยนท่าทีใหม่ไม่ส่ง เอเซ่ ลงสนามในเกมยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันความเสี่่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ก่อนมีการตรวจร่างกายในวันศุกร์นี้
เอเซ่ กำลังได้คืนรังเก่า อาร์เซน่อล
หากไม่มีปัญหาใดรบกวน เอเซ่ จะเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม อาร์เซนอล ในทันทีซึ่งถือเป็นการกลับบ้านอีกครั้งของเจ้าตัวที่เคยถูกปล่อยตัวออกจากทีมตอนอายุเพียง 13 ปี
การแย่งตัว เอเซ่ ของ อาร์เซนอล ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เกมการตลาดธรรมดา แต่เป็นสัญญาณชัดเจนว่า "ปืนใหญ่" มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ และเข้ารอบลึกในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก อีครั้ง หลังจากฤดูกาลก่อนจบแบบมือเปล่าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
สเปอร์ส เคยคิดว่าได้ตัว เอเซ่ แน่นอนแล้ว แต่การบาดเจ็บของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ซึ่งส่งผลต่อขุมกำลังแนวรุกของ อาร์เซน่อล ชัดเจน กลายเป็นตัวเร่งให้ต้องทุ่มทุนคว้า เอเซ่ ด้วยราคา 60 ล้านปอนด์จนกลายเป็นดีลที่สร้างความตกตะลึงในตลาดรอบนี้
อาร์เซนอล แสดงให้เห็นถึงการจัดการที่เยือกเย็นและเฉียบขาด โดยมี อันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรเป็นแกนนำในเบื้องหลังการเจรจาแบบเงียบๆ แต่เด็ดขาดเพื่อนำ เอเซ่ มาร่วมทีมในที่สุด
ตามรายงานจาก ดิ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า แบร์ต้า บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ พาเลซ ได้แบบไม่มีข่าวหลุดออกมาแม้แต่น้อย จนหลายฝ่ายเข้าใจว่าการเสริมนักเตะจบลงที่การขายนักเตะริมเส้นมากกว่า
นั่นจึงเปิดโอกาสให้ สเปอร์ส เดินเกมเต็มที่ พวกเขาบรรลุเงื่อนไขกับพาเลซและนักเตะได้ในวันพุธ แต่เมื่อ ฮาแวร์ตซ์ บาดเจ็บเข่า รายนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่กระตุ้นให้ อาร์เซ่นอล เดินเกมอีกครั้ง
ทีมปืนใหญ่ยื่นข้อเสนอคว้าตัว เอเซ่ ที่เหนือกว่าด้วยมูลค่า 60 ล้านปอนด์ + โบนัส 7.5 ล้านปอนด์ซึ่ง พาเลซ ตอบรับอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ สเปอร์ส เสนอ 50 ล้านปอนด์ + โบนัส 10 ล้านปอนด์
อีกปัจจัยสำคัญคือความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง ทิม ลูอิส รองประธาน อาร์เซน่อล กับ สตีฟ พาริช บิ๊กบอสของพาเลซ ที่ทำให้ยอดเยี่ยมในการติดต่อสื่อสาร จนดีลพลิกมาอยู่ในมือปืนใหญ่โดยสมบูรณ์
ใจความสำคัญคือ เอเซ่ เองแม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ อาร์เซน่อล และฝันว่าจะได้กลับมาลงเล่นอีกครั้ง แต่เมื่อคิดว่า อาร์เซน่อล ยังไม่จริงจัง ก็เปิดใจกับ สเปอร์ส แม้ถึงขั้นพูดคุยกับ พาริช เพื่อเคลียร์สถานการณ์
แต่เมื่อ อาร์เซน่อล ขยับตัวจริงจังเมื่อวันพุธ เอเซ่ ก็ตัดสินใจใหม่ได้ง่ายดายกับการหวนคืนรังเก่าที่เคยจากไปเมื่อ 14 ปีก่อน
ส่วนการพลาดดีลนี้ของไก่เดือยทอง ส่งผลให้ประธานสโมสร ดาเนียล เลวี่ ตกเป็นเป้าโจมตีจากแฟนบอลของทีมผิดหวังอีกครั้ง ตามหลังจากที่พลาดคว้า มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ ไปก่อนหน้านี้
ดีลของ เอเซ่ ยิ่งดูเจ็บปวดมากกว่า เพราะไม่ใช่แค่พลาดนักเตะฝีเท้าดี แต่ยังถูกคู่อริร่วมเมืองฉกไปต่อหน้าต่อตาแบบสุดแสบ พร้อมถูกเย้ยหยันในโลกโซเชียลว่าเปลี่ยนจาก "ไก่เดือยทอง" เป็น "ไก่ตาแตก" ด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์สุดช็อก