ปิดจ๊อบด้วยขุมกำลังเชิงลึก

อาร์เซน่อล เพิ่งผ่านเกมหนักกับ นิวคาสเซิ่ล ในพรีเมียร์ลีกล่าสุด มิเกล อาร์เตต้า จึงเปลี่ยนถึง 6 ตำแหน่งลงเล่นถ้วยยุโรป

เป็นการปรับทัพที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่ก็มีเหตุผลในการตัดสินใจสำหรับ อาร์เตต้า 

แบ็กสองข้างสลับให้ เบน ไวท์ และ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ได้เล่นแทน ยูร์เรียน ทิมเบอร์ และ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ส่วน วิลเลียม ซาลีบา กลับมาเป็นตัวจริงเช่นกัน หลังลงเป็นสำรองนัดชนะนิวคาสเซิ่ล

เดแคลน ไรซ์ ที่หมดพลังไปเยอะในเกมที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ก็ได้พักให้ มิเกล เมรีโน่ ลุยแทน เช่นเดียวกับ บูคาโย่ ซาก้า และ เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่แตะมือให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กับ เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้ลงบ้าง

เป็นชุดผสมที่แข็งแกร่งพอตัว หลายคนเคยเป็นตัวจริงก่อนหน้านี้้ และแม้หลุดสำรองในช่วงหลัง แต่ก็พยายามแสดงผลงานออกมาให้เห็น และคู่ควรกับโอกาสลงตัวจริงอีกครั้ง

การเปลี่ยนทีมได้ขนาดนี้ สิ่งสำคัญคือการมีขุมกำลังที่พร้อมทั้งปริมาณและคุณภาพ ซึ่ง อาร์เซน่อล มีสิ่งนี้ในฤดูกาลนี้ 

อาร์เตต้า พอใจอย่างมากกับขุมกำลังของทีมที่ทำให้สามารถโรเตชั่นได้ง่ายขึ้น และมั่นใจในผู้เล่นข้างสนามที่เลือกหยิบจับลงไปพลิกเกมได้ตามสถานการณ์

"ฤดูกาลที่แล้วเรามองไปที่ม้านั่งสำรองแล้วเจอเด็กจากอะคาเดมี่ถึง 5 คนที่อาจจะยังไม่เคยลงเล่นฟุตบอลอาชีพในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีกเลย ก็แน่นอนว่าต่างกันเยอะ"

"วันนี้เราตัดสินใจเปลี่ยนถึง 6 คน เพราะผมอยากให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมจริงๆ ซึ่งมันก็ออกมาดี และเราก็รู้สึกด้วยว่าร่างกายเริ่มล้า เพราะเพิ่งผ่านเกมหนักกับ นิวคาสเซิ่ล มาไม่กี่วันก่อน"

"คนที่ลงมาแทนก็ยกระดับทีมขึ้นมาอีก และช่วยให้เราคว้าชัยชนะได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม"

อาร์เซน่อล โรเตชั่นด้สบายใจ

ทีมชุดผสมของ อาร์เซน่อล ทำได้ดีในครึ่งแรกที่สร้างโอกาสลุ้นประตูถึง 10 ครั้ง เพียงแต่เข้ากรอบ 2 ครั้ง ก่อนนำประตูเดียวจาก มาร์ติเนลลี่ ตามซ้ำลูกยิงชนเสาของ วิคตอร์ โยเคเรส

คนที่ต้องชมเป็นพิเศษคือ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่เด่นมาตั้งแต่ลงสำรองในเกมแซงชนะสาลิกา ก่อนต่อยอดด้วยการออกสตาร์ตตัวจริงนำทีมในถ้วยยุโรป

บอลจากเท้าของกัปตันนัดนี้มีประสิทธิภาพสุดๆ โดยเฉพาะการแทงทะลุช่องสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม และยังมีส่วนร่วมในเกมรุกทุกจังหวะ

โอเดการ์ด ได้ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำแมตช์ไปครองซึ่งทีมงานของยูฟ่ายกย่องว่า "เขามีส่วนร่วมกับเกมรุกของ อาร์เซน่อล อยู่ตลอด และมีวิสัยทัศน์ที่ดีในการจ่ายบอลสุดท้าย เชื่อมเกมกับแนวรุกได้อย่างลื่นไหล และควบคุมจังหวะของเกมได้อย่างยอดเยี่ยม" 

จังหวะทำเกมรุกของ อาร์เซน่อล ลื่นไหล และเข้าทำสวย ๆ หลายจังหวะทีเดียว มีทั้งแบบคอนโทรลเกมรุก และเปลี่ยนจากรับเป็นรุกโจมตีทันที

น่าเสียดายที่ไม่เด็ดขาดเท่าที่ควรกับจังหวะจบสกอร์ทำให้นำเพียงประตูเดียวหลังผ่านครึ่งทางซึ่งในเกมยุโรปยังถือว่าสุ่มเสี่ยงและวางใจอะไรไม่ได้ 

คู่แข่งอย่าง โอลิมเปียกอส ส่งสัญญาณเตือนแล้วกับบอลเปิดด้านข้างที่จบด้วยการยิงเน้นๆ ของ ดาเนียล โพเดนซ์ ร้อนถึง ดาบิด ราย่า ต้องออกแรงซูเปอร์เซฟช่วยทีมเอาไว้

เมื่อประตูสองไม่มา โอลิมเปียกอส ก็มีกำลังใจมากขึ้นในการสู้และยกระดับเกมขึ้นในครึ่งหลังที่ใช้จุดเด่นครอสบอลเข้าเขตโทษไปโจมตีซึ่งก็ทำเอาแนวรับ อาร์เซน่อล ปั่นป่วนไม่น้อย

ฟอร์มของกัปตันกำลังเริ่มมา

ในครึ่งแรก ทีมแชมป์ลีกจากกรีซมีโอกาสยิงแค่ 2 ครั้ง แต่ครึ่งหลังหาโอกาสส่องได้ถึง 8 ครั้ง สถิติในเกมรุกหลายๆ อย่างก็ล้วนทำได้ดีขึ้น

อาร์เตต้า จึงต้องส่งตัวหลักลงมาควบคุมสถานการณ์ทั้ง ทิมเบอร์ และ ไรซ์ ช่วงก่อนเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ตามด้วย เอเซ่ และ ซาก้า ใน 17 นาทีสุดท้าย จากนั้นเป็น คริสเตียน มอสเกร่า ลงมาช่วยเกมรับ

สถานการณ์น่าจะผิดคาดเล็กน้อยที่ไม่สามารถคุมเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ และนำเพียงประตูเดียว แฟนบอลหลายคนที่อยากเห็นเจ้าหนู แม็กซ์ ดาวแมน ลงมาทำสถิติจึงต้องรอต่อไป 

ท้ายที่สุด ประตูที่สองของ อาร์เซน่อล มาถึงในช่วงทดเจ็บ โอเดการ์ด ได้แอสซิสต์เป็นนัดที่สองติดต่อกันหลังจ่ายเข้าช่องได้เนียนกริบให้ ซาก้า ที่สลับมาเล่นฝั่งซ้าย ได้โอกาสยิงยัดเสาแรกทะลุเซฟของนายทวารเข้าไป

เป็นอีกนัดที่ผู้เล่นสำรองลงมามีบทบาทในสนาม เหมือนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ 

แม้ไม่ใช่ฟอร์มที่ดีสุด และมีจุดที่ต้องปรับแก้ แต่ชัยชนะล่าสุดในถ้วยยุโรปก็ทำให้สถานการณ์ของ อาร์เซน่อล เข้าที่เข้าทางอย่างมาก 

พวกเขาเป็นหนึ่งใน 6 ทีมที่ชนะรวด 2 นัด และเป็นทีมเดียวของอังกฤษที่เก็บ 6 คะแนนเต็ม โปรแกรมต่อไปยังได้เล่นในบ้าน แต่เจอกระดูกชิ้นโต แอตเลติโก มาดริด ในวันที่ 21 ตุลาคม หรือหลังเบรกทีมชาติ

นอกจากชัยชนะที่แฟนบอลอยากเห็นสำหรับเกมยุโรปนัดแรกในบ้านแล้ว สิ่งที่ดีสุดอีกอย่างจากเกมนี้คือการที่ตัวหลักหลายคนได้พัก ไม่ถูกเข็นใช้งานมากเกินไป

ซาก้า ลงมาปิดกล่อง

การหมุนเวียนผู้เล่นถือว่าสำคัญต่อการยืนระยะลุ้นแชมป์ให้ได้ยาวๆ โดยเฉพาะทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

นัดนี้เป็นอีกนัดที่ อาร์เตต้า ได้ประโยชน์จากการมีขุมกำลังที่พร้อม ขนาดมีตัวเจ็บอยู่ 3-4 รายพวก ไค ฮาแวร์ตซ์, โนนี่ มาดูเอเก้, กาเบรียล เชซุส และ ปิเอโร่ อินกาปีเอ้ แต่ก็โรเตชั่นได้แบบไม่ลำบากนัก และตัวเลือกข้างสนามก็ไม่ใช่ดาวรุ่งไร้ประสบการณ์เหมือนแต่ก่อน

การคว้าชัยเหนือ โอลิมเปียกอส แม้ไม่ใช่ผลงานที่ไหลลื่นตลอด 90 นาที แต่ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า อาร์เซน่อล เวอร์ชั่นนี้มี "ทีมเวิร์ก" และ "ทีมแบ็คอัพ" ที่ไว้ใจได้จริงๆ

มิเกล อาร์เตต้า กำลังเก็บเกี่ยวผลจากการสร้างทีมมาอย่างต่อเนื่อง ฐานนักเตะที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้เขามีตัวเลือกมากพอทั้งในเกมลีกและเกมยุโรป โดยไม่ต้องแลกกับคุณภาพในสนาม

และในเส้นทางที่ยังอีกยาวไกล การมี "ขุมกำลังเชิงลึก" ที่พร้อมลงมาเปลี่ยนเกมได้ทุกเมื่อ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล ก้าวไปได้ไกลกว่าที่เคย