เกมรับปืนแกร่งแค่ไหนเทียบกับยอดทีม
ซันเดอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่าหาวิธีเจาะประตู อาร์เซน่อล ได้อย่างไร และทำได้ถึงสองประตูอีกด้วย
ผลเสมอนัดล่าสุดทำให้ช่องว่างระหว่าง อาร์เซน่อล กับคู่แข่งถูกบีบเหลือ 4 คะแนน แต่การที่ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังนำจ่าฝูงได้ในเวลานี้ เกมรับที่แข็งแกร่งดุจกำแพงเหลือคือพื้นฐานสำคัญอย่างมาก
การเก็บคลีนชีต 8 นัดติดเป็นสถิติเทียบเท่าที่สโมสรเคยทำไว้เมื่อปี 1903 หรือเกินหนึ่งร้อยปีมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังเทียบเท่าสถิติของ เปรสตัน ในปี 1889 และ ลิเวอร์พูล ในปี 1920 กับการชนะติดต่อกันโดยไม่เสียประตูมากที่สุดของสโมสรอังกฤษ
ก่อนลงเล่นนัดที่ 12 ในโปรแกรมสำคัญนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ รับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในวันอาทิตย์นี้ อาร์เซน่อล เสียไปเพียง 5 ประตูจาก 11 นัดแรก อยู่บนเส้นทางสถิติเสียประตูน้อยสุดในหนึ่งฤดูกาลที่ เชลซี ทำเอาไว้ในฤดูกาล 2004/05 ที่เสียไปเพียง 15 ประตู
เกมรับ อาร์เซน่อล ทำได้ดีมากในปัจจุบัน แต่พวกเขาอยู่ในระดับไหนหากเทียบแนวรับที่ดีสุดของหลายทีมที่เคยมีในพรีเมียร์ลีก

อาร์เซน่อล จะเสีย 11 ประตูถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยในตอนนี้
ในทางสถิติแล้ว เกมรับของ อาร์เซน่อล ชุดนี้อยู่ในระดับท็อป มีอัตราการเสียประตูอยู่ที่ 0.45 ประตูต่อเกม หากพวกเขารักษาอัตรานี้ไว้ได้ พวกเขาจะเสีย 17 ประตูตลอด 38 เกม
เชลซี ชุดคว้าแชมป์ปี 2004/05 ซึ่งเป็นการคุมทีมฤดูกาลแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ครองสถิติเอาไว้ที่ 15 ประตู ขณะที่ อาร์เซน่อล ฤดูกาล 1998/99 เสีย 17 ประตู แต่จบฤดูกาลแบบมือเปล่า ไม่ได้แชมป์ใดๆ
แนวรับที่เหนียวแน่นรองลงมาคือทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2007/08 และ ลิเวอร์พูล 2018/19 ซึ่งเสียไป 22 ประตูเท่ากัน
ตอนนี้ฤดูกาลนี้ยังไม่ถึงหนึ่งในสามของการแข่งขัน เส้นทางยังอีกยาวไกล แต่หากแบ็กโฟร์ปืนใหญ่ชุดนี้ที่มีตัวประกอบด้วย เจอร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลียม ซาลีบา, กาเบรียล มากัลเญส และ ริคคาร์โด คาลาฟิออรี่ พร้อมกับมี ดาบิด ราย่า เฝ้าเสา ยังคงฟิตและแข็งแกร่ง พวกเขาก็มีโอกาสทุกอย่างที่สร้างมาตรฐานขึ้นมาใหม่
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงสมมุติฐาน เพราะสถานการณ์มีความกังวลอย่างมากเมื่อ กาเบรียล ที่แข็งแกร่งไม่แพ้ใครในเกมรับ อาจต้องพักยาวจนถึงเดือนมกราคมหลังได้รับบาดเจ็บขณะรับใช้ทีมชาติบราซิล ขณะที่ คาลาฟิออรี ก็มีอาการบาดเจ็บระหว่างเข้าแคมป์กับทีมชาติอิตาลี
อาร์เซน่อล ยังมีสถิติเกมรับที่ดีที่สุดใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรปในฤดูกาลนี้ โดยนอกจากเสียประตูน้อยที่สุดแล้ว คู่แข่งก็ยิงเข้ากรอบรวมกันน้อยสุดอีกด้วย เช่นเดียวกับการเก็บคลีนชีตได้มากสุด

เกมรับปืนใหญ่ยอดเยี่ยมมากในฤดูกาลนี้
ทีมปืนใหญ่ปล่อยให้คู่แข่งยิงเข้ากรอบเพียง 21 ครั้งในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ รวมถึง 3 ครั้งในช่วง 5 นัดหลังสุด ค่าเฉลี่ยการเผชิญหน้ากับการยิงเข้ากรอบ 1.9 ครั้งต่อเกม ถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ Opta เริ่มบันทึกสถิติในฤดูกาล 2003/04
ใน 8 นัดที่คลีนชีตนี้ เป็นเกมลีก 4 นัดซึ่งครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล ชนะแบบไม่เสียประตูในลีกติดต่อกันมากเท่านี้ต้องย้อนไปในเดือนกันยายนและตุลาคม 1987 ยุคของ จอร์จ เกรแฮม ที่เขี้ยวลากดินอยู่แล้วกับการเล่นเกมรับ เป็นยุคที่เกิดแรงบันดาลใจในเพลงเชียร์อันโด่ง "1-0 to the Arsenal" เพื่อสรรเสริญทีมที่มีความยืดหยุ่นในเกมรับ แบบที่ อาร์เตต้า กำลังทำอยู่ในเวลานี้
สองประตูในเสียในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ จากการยิงของ แดน บัลลาร์ด และ ไบรอัน บร็อบบีย์ ทำให้ อาร์เซน่อล พลาดโอกาสทำลายสถิติพรีเมียร์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก็บคลีนชีตติดต่อกัน 14 นัด ซึ่งทำไว้เมื่อฤดูกาล 2008/09
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล เป็นเจ้าของสถิติคลีนชีตในทุกรายการ โดยไม่เสียประตูติดต่อกัน 11 นัดภายใต้การคุมทีมของ ราฟา เบนิเตซ ฤดูกาล 2005/06
มาร์ติน คีโอว์น อดีตกองหลังตำนาของสโมสร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดปี 1998/99 ให้ความเห็นว่า "เราสามารถเห็นด้วยตาของเราเองว่าแนวรับนี้ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ขาดไปจากโปรไฟล์ของพวกเขาคือถ้วยรางวัล"
"หากพวกเขาได้เป็นแชมป์ พวกเขาก็จะก้าวไปสู่ระดับท็อปเคียงข้างทีมชุดคว้าแชมป์ในอดีตเหล่านี้"
ยอดทีมพรีเมียร์ลีกที่มีเกมรับเลื่องชื่อ มีทีมไหนกันบ้าง ไปย้อนดูอีกครั้ง
เชลซี 2004/05
เชลซี คว้าแชมป์ลีกได้อย่างหมดจดในฤดูกาลแรกที่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม ส่วนสำคัญคือเกมรับที่เหนียวแน่นสุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน

เปาโล แฟร์เรยร่า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่ และ วิลเลียม กัลลาส ประกอบกันเป็นแบ็กโฟร์อันแข็งแกร่ง โดยมี ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าประตู ทำให้เสียไปเพียง 15 ประตูเท่านั้น
อาร์เซนอล 1998/99
เป็นแนวรับที่ดีสุดของ อาร์เซน่อล จนถึงยุคปัจจุบัน โดยพวกเขาร่วมกันคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 1997/98 กับการมีผู้เล่นในเกมรับอย่าง ลี ดิกสัน, คีโอว์น, โทนี่ อดัมส์ และ ไนเจล วินเทอร์เบิร์น เล่นอยู่ข้างหน้า เดวิด ซีแมน

ฤดูกาล 1998/99 อาร์เซน่อล เสียไปเพียง 17 ประตูเท่านั้น แต่เกมรุกที่ยิงไม่ได้มากนักทำให้ไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ แถมยังแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ซึ่งฤดูกาลดังกล่าว "ปีศาจแดง" คว้าเทรเปิ้ลแชมป์ไปครอง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2007/08
อาจเป็นทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พวกเขาคว้าแชมป์ได้ทั้งพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ทำหน้าที่เฝ้าเสา แบ็กโฟร์ประกอบด้วย เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช และ ปาทริซ เอฟร่า ช่วยในทีมเสียไปเพียง 22 ประตูในลีก
นั่นคืออันดับสามร่วมกับ ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2018/19 และ เชลซี ฤดูกาล 2005/06
ลิเวอร์พูล 2018/19
มีเพียงสามทีมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่จบด้วยคะแนนมากกว่า 97 แต้มแบบที่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้ในฤดูกาล 2018/19
"หงส์แดง" ชุดนั้นอาจถูกจดจำกับการมีสามประสานเกมรุกระดับพระกาฬอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ แต่แนวรับของพวกเขาก็ไร้ที่ติเช่นกัน

ผู้รักษาประตูเป็น อาลีสซง เบ็คเกอร์ ที่เหนียวหนึบไม่แพ้ใคร พร้อมกับมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เป็นแบ็กแผงโฟร์ ทำให้พวกเขาเสียไปเพียง 22 ประตูตลอดทั้งฤดูกาล
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2018/19)
ลิเวอร์พูล ที่ยอดเยี่ยมทั้งรุกและรับในฤดูกาล 2018/19 จนขึ้นถึงบัลลงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เพราะมีอีกทีมที่สุดยอดเช่นกันคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ โดยมี ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ และ อายเมริค ลาปอร์กต์ เป็นตัวหลักในแนวรับ สลับกับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และ นิโกลัส โอตาเมนดี้
เมื่อมองย้อนจากอดีตถึงปัจจุบัน แนวรับชั้นยอดในพรีเมียร์ลีกต่างมีสิ่งหนึ่งร่วมกันคือ พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการมีแชมป์ซึ่งทำให้ความยอดเยี่ยมในเกมรับพิเศษยิ่งขึ้น
อาร์เซน่อล ของ อาร์เตต้า อาจยังไปไม่ถึงปลายทางนั้น แต่ชัดเจนว่าทีมชุดนี้มีศักยภาพมากพอจะทำได้ และทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองว่าจะก้าวขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับทีมระดับตำนานที่ผ่านมาทั้งหมดได้หรือไม่

