คนละชั้น

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ที่หลายครั้งเป็นเกมสูสี สู้กันได้สนุก และมีจังหวะพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา กลับกลายเป็นบอลคนละชั้นในการเจอกันครั้งล่าสุดที่ อาร์เซน่อล เปิดรังเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปได้ขาดลอย

อาร์เซน่อล ชนะขาดทั้งผลการแข่งขัน 4-1 และวิธีการเล่นที่สยบคู่ปรับร่วมเมืองได้อยู่หมัด เกือบเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติสำหรับทีมปืนใหญ่

เอเบเรชี เอเซ่ ตอกย้ำชัยชนะแบบเอาต์คลาสของ อาร์เซน่อล ด้วยการเป็นนักเตะคนแรกในยุคพรีเมียร์ลีกทำแฮตทริกได้ในศึกดาร์บี้แมตช์แห่งลอนดอนเหนือ

เธียร์รี่ อองรี่ หรือใครต่อใครที่ว่าแน่ๆ ยังไม่เคยทำแฮตทริกได้เลยในเกมแห่งศักดิ์ศรีนี้

มิเกล อาร์เตต้า วางแผนการเล่นได้ยอดเยี่ยม และนักเตะก็ทำผลงานออกมาได้ "เป๊ะ" อย่างที่ต้องการ 

ขณะที่ โธมัส แฟร้งค์ เลือกใช้กองหลัง 5 คนเพื่อความรัดกุมในเกมรับ และหวังใช้จังหวะโต้กลับสร้างความอันตรายให้เจ้าถิ่น แต่ทีมไก่เดือยทองไม่สามารถต้านทานจ่าฝูงได้เลย

อาร์เซน่อล ส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่ 2-3 นาทีแรกที่ เอเซ่ ยกบอลให้ เดแคลน ไรซ์ วิ่งสอดหลังไลน์เข้าไปวอลเลย์เต็มข้อ วิคาริโอ ต้องงัดซูเปอร์เซฟออกมาตั้งแต่ต้นเกม

ทีมของ อาร์เตต้า ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้หมดจด เกมรุกขึงใส่ผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เกมรับก็ตัดโอกาสตั้งแต่ยังไม่ผ่านกลางสนามด้วยซ้ำ

แม้ประตูแรกต้องรอจนถึงนาที 36 แต่มันก็คุ้มค่าสำหรับแฟนบอลที่เห็นการเข้าทำที่เปี่ยมด้วยคุณภาพทั้งคนจ่ายอย่าง มิเกล เมรีโน่ และคนปิดบัญชี เลอันโดร ทรอสซาร์


ประตูปลดล็อกอันสมบูรณ์แบบ

เมรีโน่ เปิดบอลได้สมบูรณ์แบบเหลือเกิน น้ำหนัก ทิศทาง และการอ่านจังหวะวิ่งของเพื่อนร่วมทีม ทุกอย่างสัมพันธ์กันหมด และกลายเป็นหนึ่งในประตูที่สุดยอดของทีมในฤดูกาลนี้

จากนั้นก็เป็นรายการโชว์ของ เอเบเรชี่ เอเซ่ นักเตะที่เกือบย้ายไป สเปอร์ส ในตลาดช่วงซัมเมอร์ ก่อนเกิดปฏิบัติการสายฟ้าแลบจาก อาร์เซน่อล ที่ "ฉกตัว" ไปร่วมทีมในนาทีสุดท้าย

เกมรับ สเปอร์ส โดนนวดจนทำได้เพียงเคลียร์บอลทิ้งไร้ทิศทาง อาร์เซน่อล เก็บบอลจังหวะสองได้ตลอด และคราวนี้เป็น ไรซ์ จ่ายยัดให้ เอเซ่ โชว์สเต็ปหลบสองผู้เล่นเข้าไปกดด้วยขวาผ่านมือ วิคาริโอ เข้าไป

จังหวะยิงประตูของ เอเซ่ วัดใจมากเพราะมี มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น พุ่งเข้าบล็อก ถือว่าสุ่มเสี่ยงที่จะบาดเจ็บได้ แต่วินาทีนั้น เอเซ่ ไม่มีลังเลใดๆ แล้ว ง้างแล้วต้องยิงและกลายเป็นประตูที่ทำให้แฟนบอลในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม สะใจกันเต็มที่

อาร์เซน่อล เหนือกว่าทุกรูปแบบใน 45 นาทีแรก นอกจากโอกาสลุ้นประตูหลายครั้งและนำ 2-0 แล้ว ยังสามารถปิดเกมไม่ให้ สเปอร์ส ได้ลุ้นยิงแม้แต่ครั้งเดียว ดาบิด ราย่า ไม่มีงานต้องทำเลย

โธมัส แฟร้งค์ จึงต้องปรับเกมยกเลิกการเล่นกองหลัง 5 คนในครึ่งหลัง และส่ง ชาบี ซีมอนส์ ลงมาเสริมเกมรุก


แฮตทริกแรกในชีวิตเกิดขึ้นในเกมที่มีความหมายที่สุด

แต่ยังไม่ทันที่ สเปอร์ส จะงัดอะไรออกมาโชว์ เอเซ่ ก็บวกอีกประตูให้ อาร์เซ่นอล นำห่างตั้งแต่ 35 วินาทีแรกหลังผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกมครึ่งหลัง

ไก่เดือยทองจัดระเบียบการเล่นในแผงหลังยังไม่เรียบร้อยก็โดนเปิดแผลเร็ว เอเซ่ พาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากตรงหัวกะโหลกซึ่งเป็นจังหวะที่กองหลังคู่แข่งเทไปฝั่งซ้ายหลายคน และเมื่่อ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ เก็บบอลได้ก็จ่ายยัดให้ทันที เอเซ่ จึงปิดงานด้วยเท้าซ้ายเสียบมุมอย่างเด็ดขาด

เกมรุกของ สเปอร์ส ถูกตัดขาดยิ่งกว่าตัดไฟตัดน้ำ แต่แล้วก็ได้ประตูตีไข่แตกในจังหวะที่ ชูเอา ปาลินญ่า ไล่แย่งบอลก่อนจิ้มจากเท้า มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ไปเข้าทาง ริชาร์ลิซอน ที่เหลือบเห็น ราย่า ออกมากเส้นประตูมากเกินไป จึงตักข้ามหัวเข้าประตูไป

นั่นคือจังหวะพลาดครั้งเดียวตลอดทั้งเกมของ อาร์เซน่อล ที่ ซูบีเมนดี้ อาจต้องรับผิดชอบมากกว่า ราย่า สักหน่อย แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิต สเปอร์ส ที่เล่นช็อตนี้ได้ดีทั้ง ปาลินญ่า และ ริชาร์ลิซอน

เกมของ สเปอร์ส กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยหลังได้ประตูตีไข่แตก โดย 10 นาทีหลังจากนั้นสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า และมีโอกาสยิงไกลจาก ซีมอนส์ แต่ก็ตรงตัว ราย่า

อย่างไรก็ตาม เอเซ่ ก็มายิงอีกประตูดับความหวังของ สเปอร์ส ไม่ให้เหลือลงเชื้อไฟใดๆ อาร์เซน่อล เปลี่ยนจังหวะรับเป็นรุกได้เฉียบขาดก่อนจบที่ ทรอสซาร์ จ่ายให้ เอเซ่ ดึงเข้าขวาก่อนกดเสียบเสาสวยงามกลายเป็นแฮตทริกสำเร็จ 


แฮตทริกแรกกับ อาร์เซน่อล และเป็นแฮตทริกแรกในอาชีพ เกิดขึ้นใน "นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" เกมที่มีความหมายสำหรับแฟนบอลมากสุด 

มันเหมือนบทละครที่เขียนเอาไว้จริงๆ สำหรับนักเตะที่เคยตามความฝันนานเกินสิบปีเพื่อกลับมาเล่นให้ อาร์เซน่อล อีกครั้ง 

เอเซ่ ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วกับการเลือกโทรหา มิเกล อาร์เตต้า เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าจะมีโอกาสย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล และหากคำตอบของ อาร์เตต้า เรื่องราวในดาร์บี้แมตช์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจถูกบันทึกไว้อีกแบบ

อาร์เซน่อล ตัดสินใจได้ถูกเช่นกันกับการเลือกดึง เอเซ่ มาร่วมทีม แม้ตอนนั้นได้ผู้เล่นเกมรุกเสริมตามต้องการแล้ว และทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าจะเข้ากับแผนของ อาร์เตต้า ได้อย่างไร จะลงตรงไหน และจะแย่งตำแหน่งตัวจริงได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของ มาร์ติน โอเดการ์ด ทำให้ เอเซ่ ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และแข้งวัย 27 ปีรายนี้ก็พัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับระบบของ อาร์เตต้า

แม้ตำแหน่งการเล่นไม่เหมือนตอนอยู่ พาเลซ แต่ เอเซ่ ก็ค่อยสร้างโมเมนต์ที่น่าจดจำทั้งการแอสซิสต์ให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทำประตูตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงทดเจ็บ หรือจะเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกและเป็นประตูชัยเอาชนะทีมเก่า พาเลซ และล่าสุดคือ ทำแฮตทริกสุดคลาสสิกใส่คู่แค้นตลอดกาล


อาร์เซน่อล จึงจบเกมด้วยชัยชนะที่สวยงาม เกมรุกมีโอกาสถึง 17 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง และได้ 4 ประตู เอเซ่ เกือบมีลูกที่สี่ด้วยซ้ำหากไม่โดน วิคาริโอ ปฏิเสธ

ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมรุกคือ "เกมรับ" ที่หากไม่นับความผิดพลาดแบบเสี้ยววินาทีจนอดได้คลีนชีตแล้ว ที่เหลือปิดตายเกมรุกของ สเปอร์ส ได้หมดจดจนเหลือค่า xG เพียง 0.07 และลูกยิงตีไข่แตกในนาที 55 ก็คือโอกาสลุ้นยิงครั้งแรกของเกม

อาร์เซน่อล เหนือกว่าแบบคนละชั้นไม่ว่าจะดูด้วยตาเปล่าหรือกางสถิติหลายอย่างออกมาเปรียบเทียบ ทีมของ อาร์เตต้า คู่ควรกับชัยชนะเหนือ สเปอร์ส 4 นัดติดเป็นครั้งแรกในยุคพรีเมียร์ลีก

มันคือสัปดาห์ที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งเพราะนอกจากชัยชนะขาดลอยในเกมที่สำคัญสุดของฤดูกาลแล้ว ยังเป็นสัปดาห์ที่คู่แข่งลุ้นแชมป์ทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล พร้อมใจกันปราชัย

ไม่มีอะไรดีงามไปกว่านี้อีกแล้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด