ประกาศศักดา

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
161
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล มีความทรงจำเลวร้ายมากมายในการเจอ บาเยิร์น มิวนิค แต่ตอนนี้ได้ตื่นจากฝันร้ายเสียทีด้วยชัยชนะที่เรียกได้ว่า "ประกาศศักดา" อย่างแท้จริง

ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ อาร์เซน่อล โดน บาเยิร์น เขี่ยตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นว่าเล่น พอมาถึงยุคของ มิเกล อาร์เตต้า ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงจากมิวนิคเมื่อต้องอกหักอีกครั้งเมื่อสองฤดูกาลที่แล้ว

แต่ในวันนี้ อาร์เตต้า พาทีมปลดล็อกเอาชนะ บาเยิร์น ได้ด้วยฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมต่อเนื่องจากชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ในนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์

ก่อนลงสนามเกมนี้ เสือใต้อยู่ในฟอร์มที่ดีมากชนะได้ถึง 17 นัด หลุดเสมอนัดเดียว และเป็นหนึ่งในสามทีมที่ชนะรวดตลอด 3 นัดแรก

เกมรุกดุดันสุดๆ แฮร์รี่ เคน คนเดียวกดไปถึง 24 ประตูจากทุกรายการ และมักเป็นตัวแสบเสมอในเวลาเจอ อาร์เซน่อล  

เดแคลน ไรซ์ พูดถึงความยากในการเจอกับจ่าฝูงจากบุนเดสลีกาว่า "พวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรป นี่อาจเป็นเกมที่ยากที่สุดในด้านแท็กติกที่เราเคยเล่นมาในฤดูกาลนี้ วิธีการเล่นของพวกเขานั้นดีมากๆ"

แต่การวางแผนของ อาร์เตต้า และการเล่นตัดสินใจระหว่างเกมที่ถูกต้องทำให้ อาร์เซน่อล ล้างตา บาเยิร์น ได้สำเร็จ 

อาร์เตต้า จัดทีมเกือบจะเป็นชุดดีสุดลงเล่นต่อไปแม้มีเกมใหญ่บุกเยือน เชลซี ทีมรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกรออยู่ในสุดสัปดาห์ 

ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ได้เล่นแบ็กซ้ายแทน ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ถือว่าเป็นจุดเดียวที่ปรับทีมเพื่อพักตัวหลัก 

อีกตำแหน่งเป็นไปตามความเหมาะสม ปิเอโร่ อินกาปีเอ้ เป็นหนึ่งในผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งฟิตเต็มที่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าตัวผ่านเกมหนักกับ สเปอร์ส ไปแล้ว คริสเตียน มอสเกร่า จึงได้เล่นแทน


เซตพีซทำงานอีกครั้ง

ด้วยคุณภาพของ บาเยิร์น ทำให้ อาร์เซน่อล ไม่ได้เป็นคอนโทรลเกมแบบวันเจอ สเปอร์ส ในลีกล่าสุด โดยเป็นเสือใต้ที่ครองบอลได้มากกว่า และในช่วง 25 นาทีแรกก็ผ่านบอลเยอะกว่าเกือบสี่่เท่า!

มิเกล เมรีโน่ พยายามวางบอลข้ามแนวรับไปให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่เคยได้ผลในเกมสยบไก่เดือยทอง แต่ 2-3 จังหวะในเกมนี้ก็ยังไม่เข้าจุดโฟกัส 

สุดท้ายเป็นทีเด็ดลูกตั้งเตะที่เหมือนจะเงียบไป 2-3 นัดหลัง ทำให้ทีมขึ้่นนำได้ บูคาโย่ ซาก้า เปิดให้ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ เบียดขึ้นโหม่งเสาแรกเข้าไปสวยงาม

ทว่าในช่วงที่ อาร์เซน่อล ไม่ทันตั้งตัว บาเยิร์น ก็โจมตีคืนด้วยบอลยาว โยชัว คิมมิช สาดขึ้นทางขวาให้ แซร์จ นาบรี้ ตบกลับเข้ากลางถึงเจ้าหนู เลนนาร์ต คาร์ล กระแทกเน้นๆ เป็นประตูตีเสมอ จังหวะนี้เป็นการเข้าทำที่สุดยอดมากของทีมเยือน

เป็นครึ่งแรกที่ไม่ได้มีโอกาสมากนัก รูปเกมอึดอัดในบางช่วง แต่ทั้งสองทีมสามารถทำประตูได้ แต่ครึ่งหลังเป็น อาร์เซน่อล ที่ปรับเกมใหม่เล่นงานผู้มาเยือนได้อยู่หมัด

อาร์เตต้า จำต้องเปลี่ยนตัวตั้งแต่ปลายครึ่งแรกแล้วด้วยการส่ง โนนี่ มาดูเอเก้ ลงแทน เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่บาดเจ็บซึ่งถือเป็นข่าวร้ายเลยเพราะดาวเตะทีมชาติเบลเยียมกำลังทำผลงานได้ดีมากๆ

อาร์เซน่อล เล่นแบบประกบตัวในครึ่งหลัง ไม่ให้ บาเยิร์น ได้ผ่านบอลสบายใจเหมือนครึ่งแรก สัดส่วนการครองบอลจึงกลับมาสูสีใกล้เคียงกันมากขึ้น


สำรองทีเด็ด

"เราเล่นแบบแมน ทู แมน กับพวกเขาในครึ่งหลัง และผมคิดว่าพวกเราทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเลย" ไรซ์ กล่าวหลังเกม

ปืนใหญ่สร้างโอกาสต่อเนื่องทั้งจากลูกตั้งเตะที่ เมรีโน่ และ มอสเกร่า เกือบทำประตูได้ เช่นเดียวกับการตะลุยเข้าไปยิงในเขตโทษของ ไรซ์ ที่ติดขา นอยเออร์ ขณะที่ ซาก้า ตามซ้ำไม่ได้อีก

อาร์เตต้า ปรับเกมอีกครั้งส่ง คาลาฟิออรี่ ลงแทน ลูอิส-สเกลลี่ ที่มีปัญหารับมือกับแนวรุกเสือใต้หลายครั้ง ขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ได้ลงแทน ซาก้า ซึ่งเงียบไปนิดหลังรีสตาร์ตกลับมา

การแก้เกมของ อาร์เตต้า ได้ผลอีกครั้ง คาลาฟิออรี่ ลงมานาทีเดียวได้จังหวะเติมเกมรุกขึ้นไปเปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษให้ มาดูเอเก้ ซัดนิ่มๆ ไม่พลาด เป็นประตูแรกของปีกทีมชาติอังกฤษนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์

โดนประตูนี้เข้าไป แว็งซ็องต์ ก็องปานี อยู่เฉยไม่ได้ต้องส่ง นิโกลัส แจ็คสัน ที่คุ้นเคยในการเจอ อาร์เซน่อล ลงมาเสริมเกมรุกโดยถอด นาบรี้ ออก 

พี่เสือพยายามดันเกมรุกมากขึ้นเพื่อตีเสมอให้ได้อีก ทว่ากลับเสียบอลในจังหวะทำเกมรุกและโดน อาร์เซน่อล โต้ทันที เอเซ่ ตักโด่งขึ้่นหน้าให้ มาร์ติเนลลี่ ใช้จุดเด่นความเร็วสปีดถึงบอลก่อน นอยเออร์ ที่ออกมาไกลแล้วไม่ได้บอล มาร์ติเนลลี่ จึงหลุดเดี่ยวและมีเพียงตาข่ายโล่งๆ อยู่ตรงหน้า

ในเกมที่ก่อนลงสนามถือว่าสูสีกันมากเพราะเป็นการเจอกันของทีมที่ฟอร์มดีสุดในยุโรป เป็นจ่าฝูงในลีกตัวเอง และชนะรวดในเวทียุโรป การนำ 3-1 ของอาร์เซน่อล จึงเป็นสกอร์ที่เกินคาด 


หลุดไปซัดปิดกล่อง

อาร์เตต้า มั่นใจมากกับสกอร์ที่นำและเลือกถอด เอเซ่ กับ ทิมเบอร์ ออกไปพักในช่วงสิบนาทีสุดท้ายเพื่อให้ โอเดการ์ด ที่เพิ่งหายเจ็บ รวมถึง เบน ไวท์ ได้ลงสนาม 

อาร์เซน่อล ปิดเกมชนะได้เด็ดขาด ขณะที่ บาเยิร์น ก็เหมือนยอมรับสภาพกับปราชัยนัดแรกในฤดูกาล 

โยชัว คิมมิช ก้มหน้ายอมรับหลังเกมว่า "นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่สมควรแล้วอย่างแน่นอน พวกเราไม่กล้าพอ ไม่กระตือรือร้นพอ และเราไม่ได้สร้างทางเลือกให้ตัวเองมากพอ"

เช่นเดียวกับ แฮร์รี่ เคน ที่ก่อนลงสนามยิงไปแล้ว 24 ประตู แต่กลับไม่ได้ง้างยิงแม้แต่ครั้งเดียวในเกมนี้เสริมว่า "ครึ่งหลังพวกเราไม่มีพลังงานและความเข้มข้นเท่าเดิม และเราก็ แพ้ในการเข้าปะทะมากเกินไป"

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมเดียวที่เก็บชัยชนะ 5 นัดรวดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส นำจ่าฝูงเดี่ยวเหมือนในพรีเมียร์ลีก และเเรียกความมั่นใจอย่างเต็มที่ก่อนเกมเยือน เชลซี ในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้

ที่สำคัญเลยคือ เป็นชัยชนะที่ปลดแอกจาก บาเยิร์น มิวนิค ช่วยลบฝันร้ายในอดีตไปได้ไม่มากก็น้อย และทำได้ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมและเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ที่ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาบาดเจ็บของผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง

ชัยชนะเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงสามคะแนน แต่มันคือหมุดหมายสำคัญที่บอกว่า อาร์เซน่อล ชุดนี้เติบโตขึ้นอีกขั้น ก้าวข้ามความกลัวเดิมๆ และเรียนรู้ที่จะเป็นฝ่ายกำหนดเรื่องราวของตัวเอง



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด