รอยร้าว

ผู้แพ้ท่ามกลางชัยชนะ?
ดูเหมือน มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น คือหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น
ท่ามกลางความสำเร็จท่วมท้นของบาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2024-25 ด้วยทริปเปิ้ลแชมป์ภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สแปนิช ซูเปอร์ คัพ, โกปา เดล เรย์ และ ลา ลีกา
มีเพียง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทะลุถึงรอบตัดเชือก ก่อนเสียท่า อินเตอร์ มิลาน หนึ่งในเกมแห่งความทรงจำถ้วย UCL ฤดูกาลที่แล้ว
ที่เหลือจากนั้น แทบเป็นฤดูกาลแห่งความฝันสำหรับสาวกอาซูลกราน่า ผลงานถล่มคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด กินรวบโทรฟี่ในประเทศ ช่างเป็นความสะใจชุบแป้งทอดนักแล
หากแต่ท่ามกลางเสียงยินดีปรีดาและความสำเร็จล้นหลาม ในมุมสลัวบนม้านั่งสำรอง มันอาจเป็นฤดูกาลฝันร้ายสำหรับนายทวารจากเมืองเบียร์
บุญมีแต่กรรมบังจากที่ถูกวางให้เป็นมือหนึ่งในยุค ฮันซี่ ฟลิค กุนซือชาติเดียวกัน รวมทั้งได้รับปลอกแขนกัปตันทีมเบอร์ 1 ของทีม หลังการจากไปของ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ในช่วงซัมเมอร์
บทบาทกัปตันทีม ไล่เรียงตามลำดับคือ แทร์ ชเตเก้น, โรนัลด์ อาเราโฮ่, เฟร็งกี้ เดอ ยอง, ราฟินญ่า และ เปดรี้
หากแต่ส่วนใหญ่แล้ว เรามักได้เห็นราฟินญ่าสวมปลอกแขนนำทัพบาร์ซ่าบ่อยกว่าใคร ซึ่งนั่นเป็นเพราะกลุ่มข้างบนนั้นพลาดลงสนามกันบ่อยอย่างไม่ได้นัดหมาย
สำหรับ แทร์ สเตเก้น เหตุผลคืออาการบาดเจ็บหนักในเกมกับบียาร์เรอัล ตั้งแต่เดือนกันยายน และทำให้พักยาวจนเกือบจนฤดูกาล
แม้ได้ชูถ้วยแรกกับบาร์ซ่าในฐานะกัปตันทีม หลังเฉือนเรอัล มาดริด 5-2 ในสแปนิช ซูเปอร์ คัพ กระนั้น ชเตเก้นไม่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จเหล่านั้นเลย
3 พฤษภาคม 2025 มือกาวชาวเยอรมันหวนกลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง ในเกมเฉือนทีมบ๊วย เรอัล บายาโดลิด 2-1
ร่วม 8 เดือนที่หายหน้าไป ดูเหมือน แทร์ ชเตเก้น กลับมาแต่ตัว หากแต่ไม่ได้พกความเหนียวแน่นกลับมาด้วย ประตูที่เสียท่าให้ อีบัน ซานเชซ ชวนให้เลิกคิ้ว
ท้ายสุด นายทวารพันธุ์เบียร์เฝ้าเสาแค่ 9 นัดให้กับบาร์ซ่า ฤดูกาลที่ผ่านมา
... และด้วยฟอร์มอันน่าผิดหวัง จากโอกาสเท่าที่ได้รับ
หากมีใครซักคนที่อยู่ในข่าย "เคราะห์ซ้ำกรรมซัด" ชเตเก้น อาจเป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากไม่ได้ลงสนามให้บาร์ซ่าในฤดูกาลแห่งความสำเร็จแล้ว ในทีมชาติเยอรมัน ยังพลาดโอกาสเฝ้าเสา หลังจองมือหนึ่งเต็มตัว เมื่อ มานูเอล นอยเออร์ ประกาศแขวนถุงมือทัพอินทรีเหล็ก
โอกาสใหญ่ๆ หลุดลอยตลอด 365 วันที่ผ่านมา
ส่วนเกิน?
หาก แทร์ ชเตเก้น คือคนอับโชค วอยเชียค เชสนี่ คือฝั่งตรงข้ามอย่างแท้จริง
หลังประกาศแขวนสตั๊ดและถุงมือไปแล้วหลังจบยูโรปีที่แล้ว นายทวารโปลได้โอกาสกลับมาคืนสนามอย่างรวดเร็ว จากอาการเจ็บของแทร์ ชเตเก้น
ด้วยการผลักดันของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ส่งผลให้เชสนี่กลับมามีช่วงเวลารุ่งโรจน์อีกครั้ง หลังพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือ และยึดมือหนึ่งแทนที่ อินญากี้ เปนญ่า นายทวารลูกหม้อที่ได้รับโอกาสแล้ว แต่สอบไม่ผ่าน
เพียง 6 เดือนภายใต้สัญญาฉบับเดิม เชสนี่กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในความสำเร็จของบาร์ซ่า รวมถึง 3 แชมป์ในบั้นปลาย
สถานะของ แทร์ ชเตเก้น ยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก หลังการเข้ามาของ โจน การ์เซีย จากเอสปันญ่อล
นายทวารวัย 24 ถูกวางตัวให้เป็นมือหนึ่งในอนาคต
เชสนี่ โอเคต่อสัญญา และพร้อมเป็นสำรองอย่างไม่อิดออด
แล้วแทร์ ชเตเก้น อยู่ตรงไหนในสมการนี้?
"ผมต้องการอยู่ต่อ และสู้เพื่อตำแหน่ง!" นายทวารพันธุ์เบียร์ แสดงเจตนารมณ์เช่นนั้นตั้งแต่ต้น จวบจนบัดนี้
เช่นเดียวกับคำพูดที่ว่า "ผมพร้อมดับเครื่องชน หากโดนบีบให้ย้ายทีม!"
แม้มีสัญญาถึงปี 2028 กระนั้น อนาคตของแทร์ ชเตเก้น ชั่วโมงนี้กลับไม่แน่นอนเสียแล้ว
จากมือหนึ่งที่ฟลิครอคอย กำลังจะกลายเป็นมือสามในฉับพลัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขวบปีก่อนฟุตบอลโลก
แทร์ ชเตเก้น มีทางเลือกไม่มากนัก และจำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน
1) อยู่ต่อ ไม่ได้เล่น และอาจพลาดเวิลด์ คัพ ฉบับสหรัฐฯ / เม็กซิโก / แคนาดา
2) ย้ายออกไป (ไม่ว่าแบบยืมตัวหรือขายขาด) เพื่อโอกาสเฝ้าเสา และโอกาสในบอลโลก
โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานเจ้าของฉายา "ซูเปอร์แมน" แนะให้ แทร์ ชเตเก้น ย้ายไปร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่รังแมนฯ ซิตี้ แทนที่เอแดร์ซอน
หากตัดสินใจเลือกอย่างแรก ยังคงมีคำถามต่อไปว่า จะอยู่กันไปอย่างไร ในฐานะมือสามงั้นหรือ? แทร์ ชเตเก้นจะรับไหวเหรอ?
ฟลิค เตรียมเคลียร์ใจอย่างตรงไปตรงมา แบบมืออาชีพสไตล์เยอรมันว่า ต่อจากนี้ นายทวารวัย 33 ปีจะไม่ใช่มือหนึ่งของบาร์เซโลน่าอีกต่อไป
ความจริง รอยร้าวระหว่างทั้งคู่เกิดขึ้นมานานแล้ว และยิ่งถูกตอกย้ำมากขึ้น เมื่อปลายฤดูกาลก่อน ซึ่งแทร์ ชเตเก้นปฏิเสธเดินทางร่วมทัพในเกมเยือน อินเตอร์ มิลาน โดยวงในบอกว่า ไม่พอใจที่ฟลิคเลือกใช้งานเชสนี่เฝ้าเสา แม้ตนเองหายเจ็บกลับมาแล้วก็ตาม
แน่นอน นี่คือทัศนคติที่ฟลิคไม่พอใจ
เมื่อบวกกับฟอร์มที่ออกทะเลแล้ว แทร์ ชเตเก้น ยิ่งกลายอยู่นอกสายตากุนซือร่วมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
ต้องดูกันต่อไปว่า ท้ายสุดแล้ว เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร?
รอยร้าว
ความสัมพันธ์ของแทร์ ชเตเก้นกับบาร์เซโลน่าและ ฮันซี ฟลิค มาถึงจุดวิกฤติเสียแล้ว และบางที นายทวารชาวเยอรมันอาจเล่นเกมสุดท้ายให้บาร์ซ่าไปแล้ว?
"แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตกใจที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแหลก
แตกสลายไม่มีวันเหมือนเดิม"
สอดรับกับเนื้อเพลงอันคมคายจากปลายปากกาของ พี่เสือ ธนพล อินทฤทธิ์ ผ่านเสียงร้องของ พี่อิท - อิทธิ พลางกูร เจ้าพ่อร็อคบัลลาดในยุค 90 ที่ถ่ายทอดเอาไว้ในบทเพลง "รอยร้าว" เพลงโปรโมตสตูดิโออัลบั้มที่ 4 "อิทธิ 4 ป้ายแดง" เมื่อ 30 กว่าปีก่อนบนความสัมพันธ์อันแตกร้าว แทร์ ชเตเก้น จะอยู่กับบาร์เซโลน่าในบรรยากาศอย่างไร?
"อยู่มีแต่ความเจ็บช้ำ ทุกถ้อยคำพูดจาตอกย้ำซ้ำเติมที่เก่าบาดให้รอยร้าวลึกลงลึกลงไป เหลือเพียงแต่เรา สิ่งเดียวรับเอา คือรอยร้าวในหัวใจ"
เรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่หากทำใจยอมรับได้ และพร้อมพิสูจน์ตัวเองตามสภาพเท่าที่มีโอกาส ตำแหน่งมือหนึ่งในทีมชาติ (ที่อุตส่าห์รอคอยมาเนิ่นนาน) ก็อาจหลุดลอยไปอีก
"โอ้ย อยู่อย่างตายทั้งเป็น มันคงจบเกม ในไม่ช้า คงจบลง"
ตลาดซัมเมอร์ 2025 ยังอีกยาวไกล ปลายทางของ มาร์ก อันเดร แทร์ ชเตเก้น กับบาร์เซโลน่าจะจบลง ณ จุุดไหน
... ไปต่อหรือพอแค่นี้?
เพลงที่ 42 : รอยร้าว
คำร้อง / ทำนอง : ธนพล อินทฤทธิ์
เรียบเรียง : ธนันต์ เชิญพิพัฒธนสกุล
ศิลปิน : อิทธิ พลางกูร
อัลบั้ม : อิทธิ 4 ป้ายแดง
ปี : 2535