และถึงแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสังเวียนแย่งแชมป์จะถูกโยกไปที่อื่น แต่การเจอกันความเป็น "สโมสรใหญ่" มีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่
กับปัจจุบันมื่อ เชลซี กำลังลุ้นท็อปโฟร์ ส่วนฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด แทบจะทิ้งเกมลีกเพื่อไว้ลุยใน ยูโรปา ลีก เท่านั้น อาจจะทำให้ฝั่งสีน้ำเงินมีความมั่นใจมากกว่า
ในวันนี้เราได้เลือกชัยชนะ 6 นัด ที่ เชลซี เก็บชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างน่าประทับใจก่อนที่จะเจอกันอีกครั้งในวันนี้
เชลซี 4-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
4 เมษายน 2024
เริ่มด้วยชัยชนะในเกมล่าสุดที่เจอกันเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้วที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเป็นชัยชนะเกมแรกในรอบ 13 นัดหลังที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก เลย
ภายใต้การนำของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ออกสตาร์ทอย่างดุดันและออกนำก่อน 2-0 จาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ นาทีที่ 4 และจุดโทษของ โคล พาลเมอร์ นาทีที่ 19 แต่ฝั่ง ยูไนเต็ด มาตามตีเสมอได้จาก อเลฮานโดร การ์นาโช่ ในนาทีที่ 34 และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส นาทีที่ 39
ครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" มาโดนแซงชนิดช็อกแฟนบอลทั้งสนามจาก การ์นาโช่ อีกครั้งนาทีที่ 67 แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมกลับมาได้ 2 ประตูรวดเริ่มจากจุดโทษของ พาลเมอร์ อีกครั้งนาทีที่ 90+10 และหลังจากนั้นนาทีเดียว พาลเมอร์ เจ้าเก่ามาทำแฮตทริคให้ทีมคว้าชัยชนะสุดมัน 4-3 และประตูนี้คือประตูชัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาท้ายเกมที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ด้วย
เชลซี 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอฟเอ คัพ
19 พฤษภาคม 2018
นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2017/18 ในตอนนั้น เชลซี อยู่ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ส่วนฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่เก่าของสโสรนั่งเก้าอี้กุนซือ
นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในรอบ 11 โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 โดยครั้งนั้นเกมยื้อจนถึงช่วงต่อเวลาหลังเสมอ 0-0 ใน 90 นาที และเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา พังประตูให้ทีมได้แชมป์ในนาทีที่ 116
เกมนี้มีประตูเกิดขึ้นลูกเดียวตั้งแต่นาทีที่ 21 จังหวะที่ เอแด็น อาซาร์ ไปโดน ฟิล โจนส์ เสียบร่วงในกรอบ ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เป่าเป็นจุดโทษและ อาซาร์ ลึ้กขึ้นมาสังหารเองไม่พลาดให้ทีมชนะ 1-0 เป็นการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 8 ของสโมสร
เชลซี 4-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
23 ตุลาคม 2016
ปีแรกกับการคุม เชลซี ของ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นการเจอกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เพิ่งเข้ามาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นซีซั่นแรกเช่นกัน
ถือเป็นชัยชนะที่น่าจดจำในปีที่น่าจดจำ โดยทีมได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมไม่ถึงนาทีของ เปโดร โรดรีเกซ ก่อนที่ แกรี่ เคฮิลล์,เอแด็น อาซาร์ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะมาช่วยกันทำประตูให้ทีมคว้าชัยท่วมท้น
สุดท้ายปีนี้ "สิงห์บลูส์" กรุยทางไปจนถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก โดยเก็บไป 93 คะแนนจาก 38 เกม โดยทีมยังทะลุชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ด้วย แต่ไปแพ้ อาร์เซน่อล 1-2 อดเป็น "ดับเบิ้ลแชมป์" ไปอย่างน่าเสียดาย
เชลซี 5-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ลีก คัพ
31 ตุลาคม 2012
หนึ่งในเกมที่สนุกที่สุดในการเจอกับของทั้งสองทีมย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้วในศึก ลีก คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยตอนนั้นทีมอยู่ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ส่วนฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
นี่ถือเป็นอีกเกมที่คลาสิคมาก ประกอบไปด้วย 9 ประตู, 3 จุดโทษ, 9 ใบเหลือง และ 3 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ใน 90 นาทีจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 โดยเป็น "ปีศาจแดง" ที่นำ 3 ครั้ง 3 ครา จาก ไรอัน กิ๊กส์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ และ นานี่ แต่ฝั่ง "สิงห์บลูส์" ก็ตีเสมอได้ 3 ครั้งเช่นกันจาก ดาวิด ลุยซ์ (จุดโทษ), แกรี่ เคฮิลล์ และ เอแด็น อาซาร์ (จุดโทษ) ในช่วงทดเจ็บแทบจะนาทีสุดท้าย
การตีเสมอช่วงก่อนหมดเวลาเพิ่มกำลังใจให้กับทีมอย่างมหาศาลและมาขึ้นนำบ้างจาก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ บวกกับ รามีเรส ให้ทีมนำ 5-3 แม้ ไรอัน กิ๊กส์ มายิงเพิ่มให้ทีมไล่มาอีกลูก แต่ก็เกิดขึ้นนาทีที่ 120 แล้ว เวลาน้อยเกินเกว่าที่จะไล่ทัน
น่าเสียดายที่สุดท้ายทีมจอดแค่รอบรองชนะเลิศและ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ก็โดนไล่ออกหลังจากนั้นไม่นาน โดยเป็น ราฟาเอล เบนีเตซ มารับหน้าที่และพาทีมเป็นแชมป์ ยูโรปา ลีก
เชลซี 3-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
29 เมษายน 2006
เกมที่ 36 ของฤดูกาล เชลซี กับการนำของ โชเซ่ มูรินโญ่ มาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และทีมต้องการแค่เสมอเท่านั้นเพื่อเป็นแชมป์
แต่สุดท้ายทีมเก็บชัยชนะอย่างสวยงามเริ่มจาก ลูกโหม่งของ วิลเลี่ยม กัลลาส ตั้ง 5 นาทีแรก ก่อนที่ โจ โคล และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ จะมาบวกประตูเพิ่มให้ทีมฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
ถือเป็นความสำเร็จต่อเนื่องหลังจากฤดูกาลก่อนหน้าก็ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มา ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของ อังกฤษ ครั้งแรกในรอบ 50 ปี ของสโมสรด้วย
เชลซี 5-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
3 ตุลาคม 1999
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามในฤดูกาลนี้หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้า "ทริปเปิ้ลแชมป์" มาครองได้ และพวกเขาก็ไม่แพ้เกมลีกมานาน 29 เกมติดต่อกันแล้ว
แต่ เชลซี ภายใต้การนำของ จานลูก้า วิอัลลี่ ก็จะดการรัวประตูใส่ไม่ยั้งเริ่มลูกแรกตั้งแต่ 28 วินาทีแรกของ กัส โปเยต์ ตามด้วยการ คริส ซัตตัน จะมายิงเพิ่มให้ทีมนำ 2-0 เมื่อจบครึ่งแรก
หลังจากนั้น โปเยต์ เจ้าเก่ามาบวกประตูเพิ่มให้ทีมหนีเป็น 3-0 ตามด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ เฮนนิ่ง เบิร์ก และ โจดี้ มอร์ริส มาปิดท้ายให้ทีมถล่มขาดลอย 5-0
ถือเป็นความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ที่ยับเยินที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากที่เคบโดน นิวคาสเซิ่ล ถล่มมาด้วยสกอร์เดียวกันเมื่อปี 1996 และหลังจากนั้นก็มีโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รัว 6-1 ในปี 2011 ด้วย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT
