72 ปี แห่งการรอคอย

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2568 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
247
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา อังกฤษ พยายามอย่างมากในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกอีกครั้งให้ได้ หลังจากที่เว้นว่างไปนานมาก

    หนล่าสุดที่พวกเขาทำหน้าที่เจ้าภาพมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1966 ซึ่งนั่นเป็นครั้งเดียวที่พวกเขาก้าวไปถึงแชมป์ด้วย

    ด้วยศักยภาพและความพร้อม สามารถพูดได้ว่าพวกเขาพร้อมมากกว่าใครในโลกก็ไม่เกินไป

    ในปี 2018 และ 2022 สมาคมฟุตบอลอังกฤษ เดินหน้าอย่างหนักในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอีกครั้งแล้งจบด้วยความผิดหวัง โดยสองหนนี้มีการกล่าวหาว่าสมาชิกของ ฟีฟ่า ได้รับสินบนให้ลงคะแนนเลือกประเทศเจ้าภาพ

    และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอีกเลย


ทีมชาติอังกฤษ กับการคว้าแชมป์โลกครั้งเดียวที่เคยได้เมื่อปี 1966

    ในฟุตบอลโลกอีก 3 ครั้งถัดไปหรือจนถึงปี 2034 มีการคัดเลือกเจ้าภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปี 2026 จะอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือที่ แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพร่วม ตามด้วยปี 2030 ที่มีการกระจายเจ้าภาพ 3 ทวีปที่ ยุโรป มี โปรตุเกส และ สเปน, ที่ แอฟริกา เป็น โมร็อกโก และ อเมริกาใต้ มีความพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี ที่ อุรุกวัย เป็นเจ้าภาพ โดยครั้งนี้มี อาร์เจนติน่า และ ปารากวัย และปี 2034 ที่ ซาอุดิอาระเบีย รับหน้าเสื่อโดยไม่มีคู่แข่งเสนอชื่อแย่งเลย

    และในปี 2038 นี่แหละจะเป็นอีกครั้งที่ อังกฤษ เตรียมเสนอตัว โดยล่าสุดทาง วิคเตอร์ มอนตาเกลียนี่ รองประธานฟีฟ่า เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่การแข่งขันฟุตบอลโลก จะกลับไปจัดที่ อังกฤษ อีกครั้ง

    "ผมมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมจะไม่ได้ ไม่ใช่แค่ อังกฤษ เท่านั้นแต่รวมทั้ง สหราชอาณาจักร ด้วย" มอนตาเกลียนี่ กล่างในระหว่างให้สีมภาษณ์กับ เดอะ ไทม์ส "ผมคิดว่ามันคงจะเป็นฟุตบอลโลกที่ยอดเยี่ยมมาก และผมคิดว่าพวกเขาควรคิดอย่างจริงจังที่จะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าภาพ"

    "เราทุกคนรู้ว่าเกมนี้มีความหมายแค่ไหนใน สหราชอาณาจักร และผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว"


วิคเตอร์ มอนตาเกลียนี่ รองประธานฟีฟ่า

    การแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก จะจัดขึ้นที่ สหราชอาณาจักร ในปี 2035 และอาจกลายเป็นตัวเร่งให้การแข่งขันฟุตบอลชายกลับมาจัดที่สหราชอาณาจักรอีกครั้งในปี 2038 หรือ 2042

    มอนตาเกลียนี่ พูดถึงรูปแบบการหวุนเวียนชาติเจ้าภาพว่า "ผมสนับสนุนสิ่งที่เราทำในประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่านั่นเป็นหนทางเดียวเท่านั้น"

    "ตอนนี้ไม่ควรเป็ยนการจตัดสินใจของประธานฟีฟ่าเพียงคนเดียว เขามีคณะกรรมการ เขามีสภา แต่ผมคิดว่าวิถีแบบเก่าที่เราคุ้นเคยคือผู้คนใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยแล้วก็เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ขึ้น มันเป็นอะไรที่ไร้สาระ เลิกยุ่งกับเรื่องนั้นเถอะ"

    "ให้มันเป็นธุรกิจแบบจริงจังกัน วางแผนกลยุทธ์การจัดการอีเว้นท์ จะได้หมุนเวียนกันไปอย่างเหมาะสม ทุกชาติได้ลองทำดู"


เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026, 2030 และ 2034

   "ความเป็นจริงก็คือฟุตบอลโลกสร้างรายได้ให้กับ ฟีฟ่า ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะส่งรายได้อีก 80 เปอร์เซ็นต์กลับไปให้สมาชิกเพื่อพัฒนาฟุตบอล และหากฟีฟ่าไม่สามารถสร้างรายได้ดังกล่าวได้ ก็จะมีประเทศจำนวนมากใน 211 ประเทศที่ไม่มีเงินทุนสำหรับพัฒนาวงการฟุตบอล"

    ในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้าเป็นครั้งแรกที่มีการปรับทีมในรอบสุดท้ายให้เป็ร 48 ทีม ในขณะที่ทางประธานฟุตบอลของอเมริกาใต้ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มทีมในอนาคตให้มีถึง64 ทีม ซึ่ง มอนตาเกลียนี่ เชื่อว่านั่นจะทำให้ศักดิ์ศรีที่ได้รับจากการเข้ารอบสุดท้ายลดลง

    "64 ทีมมันมากเกินไปในความคิดของผม เรายังไม่ได้ลงเล่นแบบ 48 ทีมเลย ถึงแม้ว่าผมคิดว่ามันเป็นไปได้ดี เราโอเคกับจุดที่เราเป็นอยู่ และผมไม่สบายใจกับสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว — ความยาก (ในการเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย) ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ"

    "มันยังต้องการความยากในการเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก ซึ่งผมคิดว่า 48 ทีมยังมีบางชาติที่คุณคิดว่าควรไปฟุตบอลโลกแต่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้"

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด