สเปน ของเทรนเนอร์ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาแบบสบายๆ หลังจากถล่ม ฝรั่งเศส 4-1 ในรอบรอง ทำให้ 4 เกมที่ผ่านมา ยิงแหลก 12 ประตู
สภาพทีม เด ลา ฟวนเต้ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบน แต่ต้องตัดสินใจเลือกทีมตัวจริงอย่างลำบาก อย่างไรก็ตาม ตัวหลักจากเกมล่าสุดพร้อมยึดตัวจริงต่อ
แนวรุกยังใช้งาน ปาโบล ฟอร์นาลส์, ดานี่ เซบายอส, ดานี่ โอลโม่ เป็นสามตัวสร้างสรรค์เกมให้ มิเกล โอยาร์ซาบาล ที่รับบทศูนย์หน้าตัวเป้าต่อไปเหมือนเดิม
เยอรมนี
แชมป์เก่า เยอรมนี ที่คุมทีมโดยเทรนเนอร์คนเดิม สเตฟาน คุนท์ซ พาทีมกลับสู่รอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง หลังยิงสองประตูท้ายเกมเชือด โรมาเนีย ทีมม้ามืด 4-2
สภาพทีมจะได้ เบนจามิน เฮนริคส์ ฟูลแบ็กพ้นโทษแบน 1 นัดกลับมา คาดว่าจะแทน มักซิมิเลียน มิทเทลชตัดท์ ในตำแหน่งแบ็กซ้ายทันที
จากนัดก่อน คุนท์ซ ปรับทัพและระบบการเล่น ส่ง นาดีม อามิรี่ ลงมาแทน มาร์โก ริคเตอร์ แล้วยิงสองประตูมีส่วนสำคัญกับชัยชนะ จึงอาจได้ลงตัวจริงต่อ
ศูนย์หน้าตัวเป้ายังใช้งาน ลูก้า วาลด์ชมิดท์ ที่ยิงตลอดทุก 4 เกมที่ผ่านมา รวมแล้ว 7 ประตู เป็นผู้นำดาวซัลโวแบบหายห่วง
11 ผู้เล่นตามคาด
สเปน (4-2-3-1) : อันโตนิโอ ซีเบร่า - มาร์ติน อากีร์เรกาบิเรีย, เฆซุส บาเยโฆ, ฆอร์เก้ เมเร่, จูเนียร์ ฟีร์โป - มาร์ก โรกา, ฟาเบียน รูอีซ - ปาโบล ฟอร์นาลส์, ดานี่ เซบายอส, ดานี่ โอลโม่, - มิเกล โอยาร์ซาบาล
เยอรมนี (4-3-2-1) : อเล็กซานเดอร์ นูเบล, ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, โยนาทาน ทาห์, ติโม เบาม์การ์เทิ่ล, เบนจามิน เฮนริคส์ - โฟลเรียน นอยเฮาส์, มักซิมิเลียน เอ็กเกชไตน์, มาห์มูด ดาฮูด - เลวิน เอิซตูนาลี่, นาดีม อามิรี่ - ลูก้า วาลด์ชมิดท์
ผู้ตัดสิน : เซอร์ยาน โยวาโนวิช (เซอร์เบีย)
สนาม : ดาเซีย อารีน่า, อูดิเน่