เฟรงกี้ เดอ ย็อง กองกลาง บาร์เซโลน่า เครดิต ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ทำได้ดีกว่าพวกเขาจนผ่านเข้ารอบรองฯแชมเปี้ยนส์ ลีก จากนี้ก็ต้องกลับไปทำการบ้านเพื่อขัดเกลาตัวเองให้แกร่งขึ้นซีซั่นหน้า
‘บาร์ซ่า’ บุกไปขโมยชัยชนะที่ ปารีส 3-2 ก็จริง แต่การกลับมาเล่นที่สนาม โอลิมปิก เด มอนต์จูอิค กลับพังคารัง 1-4 รวมผลสองนัดร่วง 4-6 ต้องหยุดเส้นทางเพียงเท่านี้ไม่มีลุ้นแชมป์ใดๆติดมือ
ปัจจัยที่ทำให้พังคือการเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่นาที 29 รวมถึงการขาดสมาธิทั้งภาพรวมทีมหรือบุคคล ก็เป็นบทเรียนให้กลับไปแก้ไข คิดบวกในสไตล์คนดัตช์
“อุตส่าห์ขึ้นนำ 1-0 นับว่าได้เปรียบอักโขเพื่อสร้างโอกาสบวกเพิ่ม”การเปิดปากผ่าน ‘โมบี สตาร์ ฟุตบอล’
https://twitter.com/MovistarFutbol/status/1780343507292500113/video/1
“ แต่ในเกมชิงแชมป์สโมสรยุโรป เมื่อคุณโดนบีบให้เล่นด้วยนักเตะ 10 คน มากนาที อย่างที่เราเผชิญ แล้วเจอคู่แข่งเจ๋งๆอย่าง เปแอสเช ก็รู้ๆกันว่ามันต้องน้ำตาตก”
“เราก็อุตส่าห์ทุ่มสุดตัว แต่บั้นปลายความพยายามไม่เกิดผล”
“นี่ถือเป็นความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ เพราะเราคิดแล้วว่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ก็อุตส่าห์สู้เพื่อผลการแข่งขันหลังจากโดนใบแดงแต่ไม่เป็นผล”
“มันไม่มีวิธีเยียวยาใดดีไปกว่าฉุดเราขึ้นกันเอง และพยายามทำให้ดีขึ้นฤดูกาลหน้า”
บาร์เซโลน่า ไม่มีผู้เล่นโดนใบแดงโดยตรงในรอบน็อคเอาต์ ชปล.นับตั้งแต่ อาร์ตูโร่ วีดาล ก.พ. 2020 กระทั่ง โรนัลด์ อาเราโฮ มาโดนวานนี้
