"ซุปเปอร์บอล" หวังบู๊แบบ "เมืองไทย" สยบ "อิบรากิม"

ซุปเปอร์บอล  แจ้งเกิดในรายการ ONE ลุมพินี ในปี 2566 ได้อย่างโดดเด่น ด้วยการเดินหน้าเก็บชัยได้ 3 ไฟต์รวด ทว่าปีต่อมา ซุปเปอร์บอล กลับทำฟอร์มหล่นแบบน่าใจหาย เมื่อต้องสะดุดแพ้ 2 ไฟต์หลังสุด

หลังจาก ขยับขึ้นมาชกในรุ่น 142 ป. ซุปเปอร์บอล พลาดท่าพ่ายน็อก  อิลยาส มูซาเอฟ มวยรัสเซีย ยก 2 ในศึก ONE ลุมพินี 71 เมื่อเดือน ก.ค.67 ล่าสุดเขาแพ้น็อก พันฤทธิ์ ลูกเจ้าแม่สายวารี ยก 2  ในศึก ONE ลุมพินี 83 เมื่อเดือน ต.ค.67 โดยศึกนี้นับเป็นไฟต์แรกของ ซุปเปอร์บอล ในปี 2568 เจ้าตัวจึงหวังโชว์ฟอร์มเก่งให้เห็นอีกครั้ง

โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “ผมเปิดตัวใน ONE ลุมพินี ด้วยการชนะ 3 ไฟต์รวด ซึ่งอาจทำให้มั่นใจมากเกินไป มีส่วนทำให้ผิดพลาดในการขึ้นชกใน 2 ไฟต์หลัง ถือเป็นบทเรียนสำคัญอย่างมาก ทำให้ผมต้องชกแบบรัดกุมมากขึ้น ผมใช้เวลาย้อนกลับไปดูคลิปเพื่อทบทวนหาข้อผิดพลาด เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการชกให้ดีขึ้นในครั้งนี้ครับ”

“หลังจากแพ้มา 2 ไฟต์ติด ผมยังมีทั้งครอบครัว พี่น้องนักมวยเพื่อนร่วมค่าย รวมถึงกลุ่มแฟนมวยที่ยังเฝ้ารอผมกลับมาอยู่ หลายคนส่งข้อความเข้ามาคอยให้กำลังใจกันตลอด ตอนนี้ผมอยากกลับมาพิสูจน์ตัวเองในรายการนี้อีกครั้งครับ”

ช่วงที่ผ่านมา ซุปเปอร์บอล ร้างสังเวียนไปนานกว่า 9 เดือน เนื่องจากมีอาการเจ็บกระดูกกดทับเส้นประสาท ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อม ทำให้ต้องพักฟื้นฟูร่างกายเกือบ 5 เดือน แต่ตอนนี้เขากลับมาฟิตเต็มร้อยแล้ว โดยพร้อมวัดฝีมือปะทะความแข็งแกร่งกับ อิบรากิม อย่างเต็มที่

สำหรับ อิบรากิม เปิดตัวบนเวที ONE ลุมพินี ได้อย่างงดงาม ด้วยการคว้าชัยชนะแบบไม่ครบยก 2 ไฟต์ติดเหนือ ยามีน พีเค.แสนชัย และ ดวงสมพงษ์ จิตรเมืองนนท์ แต่ล่าสุดโดน เมืองไทย เดินเกมบุกหนักจนพ่ายทีเคโอยกสุดท้าย ในศึก ONE ลุมพินี 100 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

ความพ่ายแพ้ดังกล่าวของ อิบรากิม ต่อจอมบู๊อย่าง เมืองไทย กลายเป็นตำราการต่อสู้ชั้นดีของ ซุปเปอร์บอล ทำให้เขามองเห็นแนวทางชัดเจนสำหรับการวางแผนปราบคู่ชกจากแดนหมีขาวรายนี้ โดยหวังให้ชัยชนะในศึกนี้พาตัวเองกลับคืนสู่การเป็นผู้ชนะ และเดินหน้าล่าความสำเร็จในรายการนี้ต่อไป

“ผมดูไฟต์ที่ อิบรากิม แพ้ให้กับ เมืองไทย ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขามีแค่หมัด และเมื่อเร่งสู้เต็มที่ กลับหมดแรงไปเองดื้อ ๆ เมื่อเจอ เมืองไทย เดินลุยติดตัวออกอาวุธชวนทะเลาะตลอด เขาก็แทบตั้งตัวรับมือไม่ทันเลย”

“ไฟต์นี้ผมจะใช้สไตล์การชกแบบที่ เมืองไทย เคยทำให้เห็นมาแล้ว ต้องเดินลุยใส่ อิบรากิม ไม่ยั้ง และคอยระวังป้องกันหมัดของเขาให้ดี นอกจากนั้น ผมยังได้ฝึกซ้อมเสริมอาวุธศอกมาใช้เป็นทีเด็ดเล่นงานวงใน ถ้าเขาต่อยมา ผมจะดักฟันศอกสวนกลับไป ซึ่งมีโอกาสเปิดแผลสร้างความเสียหายให้กับเขาได้”

“หลังจากแพ้รวดตลอด 2 ไฟต์หลัง ครั้งนี้ผมต้องเน้นการป้องกันให้รัดกุมมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะเข้าทำอย่างเดียว ต้องคอยระวังอาวุธของคู่ต่อสู้ด้วย รูปเกมน่าจะชกแบบรัดกุมกว่าเดิม และออกอาวุธให้ชัดเจนแม่นยำขึ้นครับ”

“ผมอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายังมีดีพอสำหรับการชกในรายการของ ONE พร้อมขึ้นเวทีไปทำหน้าที่ให้ออกมาดีที่สุด และคาดหวังมากกว่าอยากกลับไปโชว์ฟอร์มเก่ง เหมือนในช่วงที่เก็บชัยรวดใน 3 ไฟต์แรกให้ได้ รวมถึงอยากลบภาพความทรงจำที่พ่ายใน 2 ไฟต์หลังด้วยครับ”