สำนักงานคณะกรรมการมวย การกีฬาแห่งประเทศไทย วางเป้าผลักดัน หลักสูตรกีฬา ในโครงการ Muaythai for all ขยับขึ้นอันดับ 2 ของนโยบายรัฐบาล One Famiy One Soft Power (OFOS) ในปี 2569 ให้ได้ พร้อมเพิ่มการรับรองมาตรฐาน (SMG) ค่ายมวยต่างประเทศด้วย
ตามนโยบายของรัฐบาลที่เดินหน้าสนับสนุน One Famiy One Soft Power (OFOS)เพื่อยกระดับมาตรฐานศักยภาพคนไทยพร้อมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งกระจายรายจากครอบครัวรากหญ้า ต่อยอดไปในเวทีระดับโลกด้วย
ในปี 2568 หลักสูตรกีฬาในโครงการ Muaythai for all จากการสำรวจ พบว่าอยู่อันดับ 3 มีผู้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Muaythai for all จำนวน 121,129 (สำรวจเดือน 25 มิ.ย.68) ซึ่งยังอยู่อันดับ 3 จากทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม ของนโยบาย One Famiy One Soft Power (OFOS)
แต่ทางสำนักงานคณะกรรมการมวย การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมวยไทย อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้หลักสูตรกีฬามวยไทย ในโครงการ Muaythai for all ขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ที่ได้รับความนิยมให้ได้ ในปี 2569 มีเป้าหมายชัดเจนว่า จะเพิ่มประชากรมวยให้ได้อย่างน้อย 250,000 คนในปีหน้าด้วย
ถ้าหากทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ถือว่าเป็นผลสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชน และพร้อมต่อยอดการรับรู้ สร้างประชากรมวยไทยให้กว้างขวาง มากกว่าเดิมอีกด้วย
นอกจากนั้น สำนักงานคณะกรรมการมวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยังคงเดินหน้าผลักดันการยกระดับมาตรฐานค่ายมวยต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้มีค่ายมวยในแต่ละประเทศ ผ่านการรับรองมาตรฐาน SMG (Standard Muaythai Gym) อย่างน้อยประเทศละ 10 ค่าย มาตรฐาน SMG ที่สำคัญ ประกอบด้วย 4 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. โครงสร้างพื้นฐานของค่ายมวยไทย
2. การบริหารจัดการภายในค่าย
3. การวางแผนและการจัดการเชิงกลยุทธ์
4. การจัดการความรู้และการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย
ล่าสุด มีค่ายมวยในต่างประเทศที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน SMG แล้ว รวมทั้งสิ้น 138 ค่ายทั่วโลก สะท้อนถึงการเติบโตของศิลปะแม่ไม้มวยไทยในเวทีสากลอย่างมั่นคง ทั้งนี้ การส่งเสริมค่ายมวยต่างประเทศให้มีมาตรฐาน ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการผลักดันมวยไทยให้เข้าสู่การเป็นกีฬาระดับโลก พร้อมทั้งสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน
