"เดโช" เสริมอาวุธครบมือ เล็งโค่น "สุริยันต์เล็ก"

“เดโช” หรือชื่อจริง “ณัฐวุฒิ หนูลิเต๊ะ” เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 46 ที่ จ.สงขลา เป็นพี่ชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน เริ่มเข้าสู่วงการมวยไทยแบบจริงจังตอนอายุ 10 ขวบ ที่ค่ายมวยป.บริรักษ์ โดยขึ้นชกครั้งแรกด้วยค่าตัว 500 บาท จนกระทั่งอายุ 16 ปี “เดโช” ได้ย้ายมาฝึกซ้อมที่ค่ายสิงห์มาวิน และได้ประเดิมโชว์ฝีมือในเมืองกรุงด้วยค่าตัวไม่ถึงหลักหมื่นบาท

เวลาผ่านไปกว่า 6 ปี “เดโช” ที่มีอาวุธเข่าเป็นจุดขาย พัฒนาฝีมือแบบก้าวกระโดดและมีดีกรีแชมป์สนามมวยช่อง 7 สี รุ่น 130 ป. การันตีความสามารถ ก่อนได้รับโอกาสให้เข้ามาโชว์ผลงานในศึก ONE ลุมพินี โดยเก็บชัยสวยงามได้ 2 ไฟต์ติดเหนือคู่ชกคนเดิมอย่าง “อีสานเหนือ โชติบางแสน” แต่เจ้าตัวมองว่ายังต้องพัฒนาฝีมือขึ้นอีกมากหากอยากไปได้ไกลบนเวทีนี้

“ไฟต์แรกที่ได้ชก ONE ลุมพินี ผมรู้สึกตื่นเต้น จังหวะเดินเข้าไปในสนามเสียงเชียร์ดังมากจนทำอะไรแทบไม่ถูกเลย หลังเก็บชัยชนะได้รู้สึกเหมือนปลดล็อก จากตอนแรกที่กดดันว่าจะทำผลงานออกมาได้ไม่ดี ส่วนไฟต์ต่อมารู้สึกว่าทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม กล้าออกอาวุธมากขึ้น เพราะเริ่มมีความคุ้นชินแล้วครับ”

“หากมองภาพรวมของสองไฟต์ที่ผ่านมา ผมยังไม่ค่อยพอใจผลงานเท่าไหร่ ขอให้คะแนนแค่ 6 เต็ม 10 ต้องปรับปรุงเรื่องการออกอาวุธและเข้าทำให้มากขึ้น ยังอยากพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ”

ด้วยผลงานอันโดดเด่น กลับมารอบนี้ “เดโช” จึงได้รับโอกาสให้ขึ้นชกเป็นคู่เอกของรายการเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าได้เตรียมตัวเสริมเขี้ยวเล็บมาครบเครื่องเพื่อปะทะมวยแกร่งอาวุธแรงอย่าง “สุริยันต์เล็ก”

ด้าน “สุริยันต์เล็ก” ผ่านประสบการณ์ชกในรายการของ ONE เหนือกว่าชัดเจน โดยเก็บชัยมาแล้ว 8 จาก 12 ไฟต์ พร้อมคว้าโบนัสไปครองถึง 9 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 3,150,000 บาท ไม่รวมค่าตัว

“เดโช” ยอมรับว่าคู่ชกอย่าง “สุริยันต์เล็ก” มีพลังหมัดน่ากลัว หากพลาดโดนก่อนมีโอกาสร่วงไปนอนได้ งานนี้เจ้าตัวจึงเตรียมร่างกายมาเต็มที่ หวังฝ่าด่านแกร่งเพื่อเก็บชัยต่อเนื่องให้ได้

“สุริยันต์เล็ก มีอาวุธอันตรายคือ ‘หมัดเขวี้ยงควาย’ และลูกเตะขา จากที่ผมศึกษาสไตล์การชกของเขามาตลอด ต้องยอมรับว่าอาวุธของเขารุนแรงจริง จึงต้องเตรียมความแข็งแกร่งและระวังเป็นพิเศษ จะไม่ประมาทเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม เขายังมีจุดอ่อน โดยเฉพาะจังหวะที่เหวี่ยงหมัดออกมา จะเปิดช่องให้ผมสวนกลับได้”

“อาวุธหลักของผมในไฟต์นี้คือศอกและเตะก้านคอ รวมทั้งอาวุธเข่าซึ่งเป็นทีเด็ด พร้อมงัดออกมาใช้ในจังหวะสำคัญเพื่อปิดเกมให้ได้ ผมมองว่าเกมนี้ออกได้ทุกหน้า แต่รับรองว่าสนุกแน่นอน อยู่ที่จะจบลงแบบไหนเท่านั้น”

“หากผมสามารถฝ่าด่าน สุริยันต์เล็ก ไปได้ ถือว่าได้พัฒนาฝีมือขึ้นอีกขั้น เพราะเขาเคยผ่านการเจอกับนักมวยระดับแถวหน้ามาแล้วหลายราย การชนะครั้งนี้จะพิสูจน์ว่าผมเองก็มีของดีไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ”

หนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของ “เดโช” คือรุ่นพี่คนสนิทอย่าง “ชาโด้ สิงห์มาวิน” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ในปัจจุบัน ซึ่งกำลังตามล่าฝันท้าชิงบัลลังก์ของรุ่นนี้จาก “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” โดย “เดโช” เชื่อว่าตนมีดีพอที่จะตามรอยความสำเร็จได้

“ผมสนิทกับพี่ชาโด้ตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายมาอยู่ค่ายสิงห์มาวินใหม่ ๆ พี่เขาคอยสอนและแนะนำผมตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชกหรือการทำน้ำหนัก ผมได้ประโยชน์จากคำแนะนำของพี่เขาเยอะมาก จนทำให้ผมมีแรงกระหาย อยากก้าวขึ้นมาให้ได้เหมือนเขา เรานอนอยู่ห้องเดียวกันทุกวัน เห็นพี่เขายังทำได้ ผมก็มั่นใจว่าตัวเองต้องทำได้เหมือนกันครับ”