"เดินชน" ไม่หวั่นศักดิ์ศรีเล็งขย้ำ "อลาเวอร์ดี"

วันอังคารที่ 09 กันยายน 2568
51
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

"เดินชน ลูกเจ้าแม่ไทรทอง" จอมบู๊เจ้าของส่วนสูง 190 ซม. วัย 20 ปี จากบุรีรัมย์ เตรียมบู๊แหลกให้สมชื่อในไฟต์เปิดตัวที่จะพบกับ "อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ" คู่ชกดีกรีอดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) วัย 30 ปี จากรัสเซีย ที่ไฟต์นี้จะขยับขึ้นมาชกภายใต้กติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เป็นครั้งแรกใน ONE โดยจะขึ้นป้ายคู่เอกภาคอินเตอร์ของศึก ONE ลุมพินี 124วันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้

“เดินชน” มีชื่อจริงว่า “พลกร อินพิทัก” เกิดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 48 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นลูกคนกลางจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยเริ่มฝึกมวยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ตามคำแนะนำของคุณพ่อที่ชื่นชอบกีฬามวยไทยเข้าเส้น และได้คุณปู่ซึ่งเป็นอดีตนักมวยไทยรับบทเป็นครูมวยถ่ายทอดวิชาให้เป็นคนแรก

หลังจากเริ่มหัดมวยกับคุณปู่ที่บ้านเพียงหนึ่งสัปดาห์ “เดินชน” ก็ถูกพาไปขึ้นชกจริงบนเวทีงานวัดเพื่อหาประสบการณ์ แม้เขาจะแพ้คะแนนให้กับคู่ชกที่กระดูกมวยแข็งกว่า แต่กลับยิ่งจุดไฟให้เขามุ่งมั่นและตั้งใจซ้อมหนักขึ้น และสามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง จนได้รับโอกาสให้ย้ายไปฝึกซ้อมอย่างจริงจังที่ค่ายมวยเกียรติกษัตริย์ศึก ในอีกหนึ่งปีต่อมา

การเก็บตัวฝึกซ้อมในค่ายมวยระดับอาชีพ ส่งผลให้ทักษะมวยไทยของ “เดินชน” พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเดินสายเก็บชัยชนะจากเวทีภูธรทั่วภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง และด้วยสไตล์การชกบู๊แหลกลาญ จึงทำให้แฟนมวยในแถบนั้นตั้งชื่อในการชกมวยให้ว่า “เดินชน” แทนการใช้ชื่อจริงในการขึ้นชก และกลายเป็นชื่อที่เขาใช้ในการประกอบอาชีพนักมวยมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่ออายุราว 15 ปี “เดินชน” ได้รับโอกาสครั้งสำคัญให้ย้ายมาสังกัดค่ายมวยพุ่มพันธ์ม่วง ในเมืองพัทยา เพื่อก้าวสู่การเป็นนักมวยไทยอาชีพในเมืองกรุงอย่างเต็มตัว และด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่เกินมาตรฐานนักชกไทย จึงทำให้ “เดินชน” ทำผลงานในเมืองกรุงได้อย่างยอดเยี่ยม โดยถูกส่งขึ้นชกบนเวทีชั้นนำมาแล้วมากมาย ทั้งเวทีมวยลุมพินี, เวทีมวยรังสิต และเวทีมวยช่อง 7 สี รวมไปถึงยังเคยชกมวยคาดเชือกในรายการ THAI FIGHT อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเคยสั่งสมประสบการณ์จากการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งและมวยไทยที่ประเทศจีนมาอีกหลายครั้งเช่นกัน

ปัจจุบัน “เดินชน” ในวัยเพียง 20 ปี ผ่านประสบการณ์บนสังเวียนระดับอาชีพมาอย่างโชกโชนด้วยสถิติการชก 70 ไฟต์ ชนะ 50 ครั้ง โดยมีผลงานชิ้นโบแดงคือการคว้าแชมป์มวยรอบ Global House 8 MAN TOURNAMENT รุ่น 152 ป. ในปี 2567

จากผลงานอันโดดเด่นเกินวัย “เดินชน” ได้รับโอกาสให้เข้ามาแสดงฝีมือในรายการ ONE ลุมพินี ภายใต้การเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายมวยลูกเจ้าแม่ไทรทอง โดยจะพบกับกระดูกชิ้นโตอย่าง “อลาเวอร์ดี” ที่ผ่านประสบการณ์บนเวที ONE มาอย่างโชกโชน แถมยังมีดีกรีอดีตราชันคิกบ็อกซิ่งติดปลายนวม

“ผมติดตามรายการ ONE มานานกว่า 5–6 ปีแล้ว มีความฝันอยากขึ้นชกบนเวทีนี้มาตลอด เพราะเป็นรายการที่มีค่าตัวสูง และยังช่วยสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ยิ่งพอมีรายการ ONE ลุมพินี ผมยิ่งตั้งเป้าว่าจะต้องเข้ามาชกให้ได้ แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว จนบางครั้งก็แอบท้อว่าเมื่อไหร่จะถึงโอกาสของผมบ้าง”

“จากนั้นไม่นาน หัวหน้าค่ายมาบอกว่าผมจะได้ขึ้นชกในศึก ONE ลุมพินี พบกับ อลาเวอร์ดี ตอนนั้นผมทั้งตกใจและตื่นเต้นมาก เพราะอยู่ดี ๆ ก็ได้โอกาสที่ฝันไว้มาโดยตลอด ผมรีบตอบรับทันที พร้อมโทรบอกครอบครัว ทุกคนดีใจกันมาก และจะเหมารถเดินทางมาเชียร์ผมถึงสนามในวันศุกร์นี้ครับ”

สำหรับ “อลาเวอร์ดี” ไฟต์นี้จะกลับมาชกในกติกามวยไทยอีกครั้ง พร้อมขยับขึ้นมาชกในรุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เป็นครั้งแรกใน ONE เพื่อหวังกู้ฟอร์มเก่งด้วยการบุกมาสั่งสอน “เดินชน” ถึงบ้านให้ได้ หลังไฟต์ล่าสุดถูก “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” อัดพ่ายทีเคโอ ในการแข่งขันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ในศึก ONE ลุมพินี 68 เมื่อเดือน มิ.ย. 67

ในการเปิดตัววันศุกร์นี้ “เดินชน” การันตีพร้อมเปิดฉากบู๊แหลกสมชื่อ โดยหวังใช้ความได้เปรียบด้านส่วนสูงที่มากกว่าถึง 10 ซม. ในการเดินบดขยี้ความเก๋าของ “อลาเวอร์ดี” อย่างถึงที่สุด เพื่อหวังสร้างชื่อให้โด่งดังไปทั่วโลกด้วยการคว้าชัยเหนือนักชกดีกรีอดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ให้ได้

“อลาเวอร์ดี เป็นมวยถอยดักจังหวะ อาวุธจุกจิกเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยหนักเท่าไร จุดอ่อนที่ผมเห็นชัดคือโดนเตะขาและลำตัวไม่ได้เลย ซึ่งผมก็ซ้อมอาวุธพวกนี้มาเต็มที่เพื่อเล่นงานเขา ส่วนตัวผมเป็นมวยเดินอยู่แล้ว ไฟต์นี้จะพยายามไล่บี้กดดัน และโจมตีตรงจุดอ่อนของเขาให้ได้มากที่สุดครับ”

“ถึงเขาจะเคยเป็นแชมป์และมีประสบการณ์ใน ONE เยอะมาก แต่ผมไม่กลัวเลยครับ เพราะยังไงเราก็เป็นคนเหมือนกัน หากพลาดโดนจัง ๆ ก็ร่วงได้ อีกอย่างผมเคยชกมวยไทยนวมเล็กที่จีนมาก่อน ทำให้มั่นใจว่าไฟต์เปิดตัวครั้งนี้จะสู้ได้สนุกแน่ ผมวางแผนจะเดินอัดใส่ตั้งแต่ระฆังดังเลยครับ”

“แทบทุกคนมองว่าผมสู้ไม่ได้ แต่ผมกลับมองเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ผมสู้แบบไร้ความกดดัน จะแพ้หรือชนะไม่รู้ แต่รับรองว่าผมจะเดินสู้ทุกยกแน่นอนเพื่อสร้างความประทับใจให้แฟนมวยทุกคน และถ้าหากผมเอาชนะได้ผมก็เกิดทันที พร้อมสู้แบบไม่มีอะไรจะเสียครับ”


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด