อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) วัย 30 ปี จากรัสเซีย ประกาศลั่นพร้อมกลับมาในโฉมใหม่หมดจด ขยับบู๊รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เป็นครั้งแรกกับ ONE ตั้งเป้าเผด็จศึก เดินชน ลูกเจ้าแม่ไทรทอง กำปั้นหน้าใหม่ป้ายแดง วัย 20 ปี จากบุรีรัมย์ โดยจะวัดฝีมือกันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ในฐานะคู่เอกภาคอินเตอร์ของศึก ONE ลุมพินี 124 วันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้
ผลงานล่าสุดของ อลาเวอร์ดี เกิดขึ้นในศึก ONE ลุมพินี 68 เมื่อเดือน มิ.ย. 67 ที่เจ้าตัวขึ้นสู้ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ก่อนพ่ายทีเคโอในยกที่ 2 ต่อ เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส อดีตแชมป์รุ่นเดียวกันไปอย่างน่าเสียดาย และต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่พักใหญ่จึงต้องร้างห่างสังเวียนไปนานกว่า 1 ปี
“ช่วงที่พักฟื้นจากการชก ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก ซ้อมบ้างแต่ไม่หนักมาก เน้นให้ร่างกายได้พักเต็มที่เพื่อจะได้กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม ตอนนี้อาการบาดเจ็บหายสนิทแล้ว และผมก็กลับมาเมืองไทยเพื่อโฟกัสกับการเตรียมตัวสำหรับไฟต์วันศุกร์นี้โดยเฉพาะครับ”
กลับมาครั้งนี้ อดีตแชมป์โลกฝีมือฉกาจร่างกายฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย โดยพร้อมพิสูจน์ฝีมือและกู้ศักดิ์ศรีอีกครั้งบนสังเวียนในรุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งเขามองว่าเป็นน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด และจะช่วยให้เขาได้โชว์ศักยภาพออกมาได้ดีกว่าเดิม
“ผมชกในรุ่น 66 กก. มานานประมาณ 2-3 ปีแล้ว ตอนนี้ผมไม่สามารถลดน้ำหนักได้อีก และรู้สึกดีกว่ามากเมื่อขยับมาชกในรุ่น 70 กก. ทุกคนจะได้เห็นผมในเวอร์ชันใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม และมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมแน่นอน”
ด้วยศักดิ์ศรีในฐานะอดีตแชมป์โลก ONE ประกอบกับการได้ขยับขึ้นมาชกในพิกัดที่เหมาะสม อลาเวอร์ดี มั่นใจว่าจะสามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ พร้อมโชว์ผลงานให้แฟนมวยได้เห็นอีกครั้ง ในไฟต์รับน้องสุดโหดกับ เดินชน ที่มาพร้อมส่วนสูงถึง 190 ซม. และผ่านประสบการณ์ชกระดับอาชีพมาอย่างเข้มข้นด้วยสถิติชนะ 50 ครั้ง จาก 70 ไฟต์ พร้อมมีดีกรีแชมป์มวยรอบ Global House 8 MAN TOURNAMENT รุ่น 152 ป. การันตีฝีมือ
แม้ อลาเวอร์ดี จะเสียเปรียบด้านรูปร่าง แต่เขามั่นใจว่าจะอาศัยชั้นเชิงมวยที่เหนือกว่ามาดับห้าว เดินชน ที่ยังเป็นน้องใหม่ในรายการนี้ โดยตั้งเป้าเอาถึงน็อกเลยทีเดียว
“ผมติดตามการชกของ เดินชน มาหลายไฟต์ เขาเป็นนักสู้ร่างสูงและยังหนุ่มแน่น ผมจะไม่ประมาทหรือมองข้ามเขาเพียงเพราะชื่อเสียงยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เพราะสำหรับผม คู่ต่อสู้ทุกคนล้วนเป็นนักชกที่มีฝีมือ และผมจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเสมอ”
“ครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายใหม่ เพราะเป็นไฟต์แรกที่ผมต้องเจอกับคู่แข่งที่มีรูปร่างสูงกว่า แต่ผมมีทั้งประสบการณ์และเชิงมวยสากลที่แข็งแกร่งกว่า ผมฝึกซ้อมมาอย่างหนักและตั้งใจจะปิดเกมให้ได้ภายในยกแรกหรือยกที่สอง
ผมพร้อมจะพิสูจน์ให้แฟนมวยได้เห็นถึงตัวตนใหม่ในรุ่นน้ำหนักใหม่ ผมเชื่อมั่นว่าตัวเองยังคงเป็นหนึ่งในนักสู้ที่เก่งที่สุดของโลก และเป้าหมายสูงสุดของผมยังคงไม่เปลี่ยน นั่นคือการกลับไปยืนในฐานะแชมป์โลกอีกครั้ง”
