"แสงอาทิตย์" ปรับความคิดใหม่ ดวล "อาลี"

แสงอาทิตย์ เซ็นสัญญาเข้ามาไล่ล่าความสำเร็จใน ONE และเปิดตัวอย่างสวยงามด้วยการเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ ซูปาร์ เย จัน จากเมียนมา ในศึก ONE ลุมพินี 100 เมื่อเดือน มี.ค. ก่อนที่ 3 เดือนต่อมาในศึก ONE ลุมพินี 114 แสงอาทิตย์ จะหวนกลับมาขึ้นชกไฟต์ที่ 2 พบกับมวยเจนเวทีอย่าง เสือแบล็ค ท.พราน 49 ที่ฟอร์มก่อนหน้านี้แพ้ติดต่อกันมาถึง 3 ไฟต์

โดยกระแสก่อนเกมนั้น แทบทุกคนต่างมองไปในทางเดียวกันว่า แสงอาทิตย์ จะคว้าชัยได้ไม่ยากเมื่อได้เจอกับ เสือแบล็ค ที่ขึ้นชกกติกาคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกใน ONE แต่ปรากฏว่าเกมจบลงแบบพลิกล็อกเมื่อ เสือแบล็ค” จัดการอัด 2 นับ  แสงอาทิตย์ ในยกสุดท้าย คว้าชัยไปด้วยคะแนนเอกฉันท์เหนือความคาดหมาย ซึ่งเขาออกมายอมรับข้อผิดพลาดของตนในไฟต์นั้นอย่างตรงไปตรงมา

“ข้อผิดพลาดในไฟต์ล่าสุด มาจากการที่ผมกดดันตัวเองมากเกินไปว่าจะต้องชนะให้ได้ เพราะผมซ้อมมาอย่างหนัก และรู้สึกว่าทุกคนต่างคาดหวังให้ผมทำผลงานออกมาสวยที่สุด จนพอขึ้นชกจริงกลับเกิดอาการเกร็ง ออกอาวุธไม่เป็นธรรมชาติ ทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ แล้วยิ่งพอมาเสียนับ ยิ่งทำให้ผมลนลานหนักกว่าเดิม จนกลายเป็นพลาดเสียนับซ้ำอีกครั้ง”

“แม้จะผิดหวังกับความพ่ายแพ้ แต่ผมไม่รู้สึกท้อเลย เพราะยังได้กำลังใจล้นหลามจากครอบครัวและแฟนคลับทั่วประเทศที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ ส่วนเสียงวิจารณ์ ผมก็เปิดใจอ่านเหมือนกันครับ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ ทำให้ผมเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง เพื่อนำไปแก้ไขและพัฒนาต่อไป”

การกลับมาครั้งนี้ของ แสงอาทิตย์ นอกจากจะได้คำแนะนำจากพี่เขยสุดที่รักอย่าง รถถัง จิตรเมืองนนท์ แล้ว ยังได้ข้อคิดโดยตรงจาก บิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” อีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวได้น้อมรับทุกคำสอนมาปรับใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับไฟต์สำคัญที่กำลังจะมาถึงนี้

“พี่รถถัง บอกว่าข้อผิดพลาดของผมในไฟต์ล่าสุดคือคิดเยอะเกินไปเวลาจะออกอาวุธ เขาแนะนำว่าไฟต์นี้ให้ผมปล่อยอาวุธตามธรรมชาติ ห้ามเกร็งหรือกังวล อยากออกอะไรก็ปล่อยไปเลยครับ ผมตั้งใจจะนำสไตล์การเดินชนแบบ พี่รถถัง มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่การเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าแลก แต่จะมีจังหวะและแผนในการรุกและรับอย่างชัดเจนระหว่างการเดินเข้าหาคู่ชก”

“และเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบกับ บอสชาตรี ซึ่งผมได้รับคำแนะนำดี ๆ กลับมาด้วย บอสบอกว่าในไฟต์ล่าสุด ผมขึ้นไปชกโดยลืมสิ่งที่ถนัดที่สุดคือการออกหมัด ซึ่งเป็นเรื่องจริง เพราะตอนซ้อมผมเน้นเตะเยอะจนแทบไม่ได้ซ้อมหมัดที่เป็นอาวุธหลักของตัวเองเลย ไฟต์นี้ผมจึงปรับสมดุลการซ้อมใหม่ให้ครอบคลุมทั้งหมัดและเตะตามที่บอสแนะนำ”

“นอกจากนี้ บอสชาตรี ยังย้ำให้ผมมั่นใจในพลังหมัดของตัวเอง และบอกว่าเขาไม่ได้ผิดหวังที่ผมแพ้ในไฟต์ล่าสุด เพราะความพ่ายแพ้คือประสบการณ์ที่จะทำให้เติบโตขึ้นครับ”

ภารกิจกู้ศรัทธาของ แสงอาทิตย์ จะต้องพบกับคู่ชกสายแข็งเจ้าของสถิติชนะ 15 จาก 18 ไฟต์ตลอดอาชีพ อย่าง “อาลี” ที่เปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 100 ด้วยการเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ โยตะ ชิเกะโมริ จากญี่ปุ่น ในกติกามวยไทย และไฟต์นี้จะได้สลับมาวาดลวดลายในกติกาคิกบ็อกซิ่งที่ตัวเองถนัดเป็นครั้งแรกบนเวทีแห่งนี้

ไฟต์นี้ แสงอาทิตย์ ยืนยันชัดเจนว่าจะเลิกกดดันตัวเอง โดยพร้อมโชว์สไตล์การชกในเวอร์ชันใหม่ที่ผ่อนคลายแต่แฝงด้วยความอันตรายมากกว่าเดิม เพื่อกลับมาเก็บชัยชนะและเดินหน้าสู่การไล่ล่าความสำเร็จบนเวทีระดับโลกต่อไป

“อาลี เป็นมวยที่ออกอาวุธได้ครบเครื่อง จุดเด่นของเขาคือการใช้หมัดคล้ายกับผม แต่ผมมั่นใจว่าหมัดของผมเร็วกว่า ถ้ามีจังหวะแลกหมัดกัน ผมอาจเห็นช่องแล้วกดเขาได้ก่อน และที่สำคัญผมจะไม่คิดเยอะตอนออกอาวุธแล้ว ผมปรับวิธีคิดมาใหม่ว่าถ้าออกอาวุธพลาดก็ไม่เป็นไร แค่ออกใหม่ให้โดนเท่านั้นก็พอครับ”

“ไฟต์นี้ผมเชื่อว่ารูปเกมจะสนุกกว่าที่ผ่านมาแน่นอน เพราะผมจะเลิกกดดันตัวเอง ขึ้นไปชกด้วยความสุข ทุกคนจะได้เห็นผมออกอาวุธมากขึ้น สุดท้ายไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็เป็นเรื่องของกีฬา แต่สิ่งที่แฟน ๆ คาดหวังได้คือเห็นผมพัฒนาและเติบโตในทุกครั้งที่ขึ้นชก ผมสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาจนกว่าจะถึงวันที่เฉิดฉาย หวังว่าทุกคนจะติดตามและส่งกำลังใจให้ผมจนถึงวันนั้นครับ”