"ดิ เบลลา" ตั้งเป้าล่าแชมป์มวยไทย

วันพฤหัสบดีที่ 09 ตุลาคม 2568
24
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

"โจนาธาน ดิ เบลลา" ยอดฝีมือตัวแทนอิตาลี-แคนาดา เปิดเผยเป้าหมายต่อไปคือการข้ามสายไปพิสูจน์ฝีมือในกติกามวยไทย หลังสามารถขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) จากการเอาชนะ "พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย"ในศึก ONE Fight Night 36 เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา

หลังจาก “โจนาธาน ดิ เบลลา” เสียสถิติไร้พ่ายตลอดการชกอาชีพให้กับ “พระจันทร์ฉาย” ในศึกชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวตที่ว่างในศึก ONE ลุมพินี 68 เมื่อเดือน มิ.ย. 67 “ดิ เบลลา” ก็กลับไปทำฟอร์มใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเก็บชัยชนะ 2 ไฟต์รวด และก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลกเฉพาะกาลของรุ่นนี้จากการเอาชนะ “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” ในศึก ONE 172 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมคว้าสิทธิ์กลับมารีแมตช์ชิงเข็มขัดกับ “พระจันทร์ฉาย” ทันที

ในไฟต์นี้ “ดิ เบลลา” ระเบิดฟอร์มดุเดินไล่อัด “พระจันทร์ฉาย” ตั้งแต่ยกแรก พร้อมคุมเกมได้เหนือกว่าและออกอาวุธเล่นงานยอดฝีมือชาวไทยจนถึงกับออกอาการแกว่งอย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ก่อนจะเข้าป้ายคว้าชัยด้วยคะแนนเอกฉันท์ แก้มือได้สำเร็จพร้อมกับรวมเข็มขัดคิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต มาครองแต่เพียงผู้เดียวอย่างยิ่งใหญ่

“แผนของผมเหมือนเดิมคือรักษาความเฉียบคมและฟังทีมอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญคือต้องออกอาวุธให้หนักและแม่นยำเพื่อทำให้เขาเจ็บ ซึ่งผมเชื่อว่าทำได้ มียกหนึ่งที่ผมปล่อยฮุกเข้าเป้าเต็ม ๆ จนเขาตัวงอ นั่นเป็นจุดเปลี่ยน หลังจากนั้นผมก็เดินหน้าบุกเต็มที่จนจบยกที่เหลือครับ”

“ไฟต์นี้ พระจันทร์ฉาย ไม่ได้ทำอะไรให้ผมประหลาดใจ ผมรู้ว่าเขาจะทำอะไรในแต่ละจังหวะ สิ่งที่ผมแปลกใจคือเขาปล่อยให้ผมเตะเจาะยางเข้าเต็ม ๆ หลายครั้ง ทั้งที่รู้ว่าผมชอบใช้ท่านี้ ดูเหมือนว่าเขาป้องกันไม่ค่อยได้ ทำให้เขาเจ็บพอสมควรครับ”

“หลังครบ 5 ยก ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นฝ่ายชนะ อาจจะมีบางยกที่ผมชกได้ไม่ดีที่สุด แต่ผมเชื่อว่าผมทำเขาเจ็บได้ทุกยก ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ผมเชื่อว่าจะชนะ”

แม้จะทำผลงานได้อย่างเหนือชั้น แต่ “ดิ เบลลา” ยังมองเห็นจุดบกพร่องของตัวเองที่ต้องกลับไปเรียนรู้เพื่อพัฒนาฝีไม้ลายมือให้ดียิ่งขึ้นต่อไป พร้อมกล่าวคำยกย่อง “พระจันทร์ฉาย” ในฐานะคู่ปรับตัวฉกาจที่ผลัดกันแพ้ชนะกันมาคนละครั้ง

“ผมรู้สึกดีมากที่ได้เป็นแชมป์แต่เพียงผู้เดียว นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการและผมทำมันได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ไฟต์นี้ผมให้คะแนนผลงานตัวเองที่ 7.5 หรือ 8 เต็ม 10 เท่านั้น เพราะผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ การชกไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบครับ ผมยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ซึ่งผมและทีมงานจะกลับไปทบทวนข้อผิดพลาด เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุก ๆ ไฟต์”

“ผมและ พระจันทร์ฉาย ต่างแข่งขันกันในระดับสูง และต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการครองเข็มขัดแชมป์โลก ดังนั้น ไม่ว่ายังไงเราก็จะเป็นคู่แข่งกันบนสังเวียนเสมอ แต่ในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ เขาเป็นคนที่น่านับถือมาก เป็นนักชกระดับตำนาน และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสขึ้นชกกับเขาบนสังเวียนระดับสูงสุดครับ”

นอกเหนือจากการทำหน้าที่ป้องกันเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งแล้ว เป้าหมายต่อไปของ “ดิ เบลลา” ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนั่นคือการข้ามสายมาชกในกติกามวยไทย เพื่อหวังจารึกชื่อเป็นราชัน 2 กติกาคนต่อไป

“ผมในฐานะแชมป์โลกตัวจริงต้องป้องกันตำแหน่งให้ได้ทันที ดังนั้น ใครก็ตามที่อยากชิงเข็มขัดคิกบ็อกซิ่ง เชิญเข้ามาได้เลยครับ ส่วนในอนาคต ผมตั้งใจจะข้ามสายไปท้าชิงแชมป์ในกติกามวยไทยแน่นอน สำหรับการขึ้นชกซูเปอร์ไฟต์ในรุ่นฟลายเวต (125–135 ป.) ผมเองก็สนใจเช่นกัน แต่ก่อนอื่น ผมต้องทำหน้าที่ป้องกันเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งให้ได้ก่อนครับ”


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด