"เดนิส" ขีดเส้นตายเช็คบิล "ทาเครุ" ไม่เกินยกสอง
"เดนิส พูริช" จอมบู๊เก๋า วัย 40 ปี ตัวแทนบอสเนีย-แคนาดา มั่นใจในพลังความหนักแรงของอาวุธ ประกาศขอปิดบัญชี "ทาเครุ เซกาวา" นักสู้คนดังเจ้าถิ่น วัย 34 ปี ผู้รั้งอันดับ 2 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) แบบไม่ครบยก ในการเจอกันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ในศึกใหญ่ ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 68 ณ สนามอาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
“เดนิส” เตรียมกลับมาโชว์สกิลคิกบ็อกซิ่งใน ONE เป็นครั้งที่ 2 หลังเคยตกเป็นฝ่ายแพ้คะแนนเอกฉันท์ให้กับ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ผู้ครองอันดับ 1 ของแรงกิงปัจจุบันของรุ่นนี้ ในศึก ONE 167 เมื่อเดือน มิ.ย. 67 โดยเจ้าตัวมั่นใจว่าจะบู๊กับตัวท็อปอย่าง “ทาเครุ” ซึ่งเป็นคู่ชกที่เฝ้ารอคอยได้อย่างสนุก พร้อมตั้งเป้าจะปิดเกมแบบไม่ต้องพึ่งใบคะแนน และใช้ชัยชนะครั้งนี้เป็นใบเบิกทางตามล่าความสำเร็จต่อไป
ถ้าผมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็พร้อมสู้เต็มที่ครับ ตราบใดที่ยังมีแรงแลกหมัดกับ ทาเครุ ได้ครบสามยก เหมือนไฟต์ที่เจอกับ รถถัง ผมเชื่อว่าเกมไม่น่าจะยืดเกินยกสองแน่นอน”
“ผมเห็นช่องโหว่ชัดเจน เขาไม่ชอบป้องกันตัว ถ้าผมปล่อยอาวุธเข้าเป้าเต็ม ๆ อย่างน้อยต้องมีออกอาการ และผมเห็นภาพเลยว่าหมัดฮุกซ้ายของผมจะส่งเขาลงไปนอนกับพื้น”
“ทาเครุ ชอบเตะจิกลำตัวกับเตะเจาะยาง มีแค่ 2 อย่างนี้เท่านั้นแหละที่ใช้ได้กับผม เขายืนแลกหมัดกับผมไม่ได้แน่นอน เพราะผมหมัดหนักกว่า แม้เขาจะเร็ว แต่ผมก็เร็วไม่แพ้กัน และสามารถระเบิดพลังได้มากกว่าด้วย”
“ผมอยากสู้กับตำนาน ไม่มีใครรับมือกับ รถถัง ได้แบบผม ผมจึงคิดว่าผมคู่ควรกับไฟต์นี้ที่สุด ตอนนี้ผมตั้งเป้าขึ้นไปติดอันดับ 2 ของแรงกิง เพื่อจะได้รีแมตช์กับ รถถัง อีกครั้ง และไม่แน่ว่าไฟต์ต่อไปอาจถึงเวลาชิงเข็มขัดก็ได้”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “เดนิส” สร้างชื่อเสียงในฐานะนักมวยไทยที่มีสไตล์การชกบู๊ดุเดือด อย่างไรก็ตาม 2 ไฟต์หลัง ผลงานกลับมาสะดุด ล่าสุดเขาพ่ายน็อกเอาต์ยก 2 ให้กับ “จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี” ในศึก ONE ลุมพินี 100 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งด้วยสภาพร่างกายที่โรยราตามวัย ทำให้เจ้าตัวเริ่มคิดว่าอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องย้ายไปลงแข่งในกติกาคิกบ็อกซิ่งแบบเต็มตัว ในช่วงโค้งสุดท้ายของเส้นทางอาชีพ
“ผมไม่ได้คำนึงว่าตอนนี้อายุปาเข้าไป 40 แล้ว ไฟต์ล่าสุดจึงเหมือนเป็นสัญญาณเตือน และผมก็คิดว่า ผมจะใช้เวลากลับมาพักฟื้น โฟกัสกับการฝึกซ้อมที่ยิม และไม่รีบร้อนที่จะขึ้นชกมากเกินไป”
“ต่อจากนี้ ผมคิดว่าควรให้ความสำคัญกับคิกบ็อกซิ่งมากกว่ามวยไทย พวกที่ชกมวยไทยเป็นเหมือนสิงโตหนุ่ม อายุน้อยกว่าผมเกือบครึ่ง แต่ถ้าเป็นในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ผมยังสามารถสู้กับคนที่เก่งที่สุดได้ ดังนั้น ผมจะปล่อยให้หนุ่ม ๆ ครอบครองโลกของมวยไทยไป ส่วนผมจะพยายามคว้าเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งมาให้ได้ครับ”
