"เสือคิม สจ.โต้งปราจีน" กำปั้นจอมดุจากจันทบุรี พร้อมเดินบู๊สุดตัวเพื่อเก็บชัยชนะไฟต์ที่ 6 ติดต่อกันด้วยการปราบ "เจก พีค็อก" มวยใจเกินร้อยตัวแทนสหราชอาณาจักร-แคนาดา ในการสู้กันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย.นี้ ณ สนาม อาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มคู่แรกเวลา 11.00 น.
ไฟต์ล่าสุดในศึก ONE Fight Night 34 เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา “เสือคิม” นักชกเจ้าของสัญญา ONE ฉบับที่ 26 จากเวที ONE ลุมพินี เลื่อนชั้นขึ้นมาชกบนเวที ONE (ใหญ่) และประเดิมผลงานได้อย่างน่าประทับใจ หลังโชว์หัวใจเกินร้อยเลือกเปิดหน้าแลกเดือดกับกำปั้นฝีมือจัดจ้านจากตุรกี “ซาเฟอร์ ซายิก” จนสามารถพลิกสถานการณ์จากตกเป็นรองในยกแรก แซงกลับมาเอาชนะไปได้อย่างสวยงามด้วยคะแนนเอกฉันท์ พร้อมทำสถิติชนะติดต่อกันเป็นไฟต์ที่ 5
ด้วยสไตล์การชกบู๊แหลกไม่เอาเปรียบคนดู บวกกับฟอร์มอันยอดเยี่ยมในช่วงหลัง ทำให้กลับมาครั้งนี้ “เสือคิม” จึงได้โอกาสให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศึกใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เขาเคยบุกมาฝากผลงานสร้างชื่อมาแล้วในสมัยที่ยังไม่ตัดสินใจเลิกมวย
“ผมเคยไปชกที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว 7 ไฟต์ มีสถิติชนะ 5 แพ้ 2 ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ เพราะนอกจากได้ไปเที่ยวแล้ว ยังได้ลองชกในกติกาคิกบ็อกซิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย”
“ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจมากครับที่จะได้ชกในศึก ONE 173 เพราะเป็นรายการใหญ่มาก ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เคยเลิกมวยไปแล้ว จะมีโอกาสได้กลับมาชกที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง จากจุดเริ่มต้นที่ได้ขึ้นชกในศึก ONE ลุมพินี จนก้าวเข้าสู่รายการ ONE Fight Night และตอนนี้กำลังจะได้เดินทางไปญี่ปุ่นในศึกนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองมาไกลมากจริง ๆ ครับ”
ด้านคู่ชกอย่าง “เจก” แม้จะมีแขนซ้ายที่สมบูรณ์เพียงข้างเดียว แต่ฝีไม้ลายมือของเขาบอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดา โดยมีดีกรีแชมป์ Road to ONE แคนาดา เป็นการการันตี และมีสถิติการคว้าชัยชนะตลอดการชกระดับอาชีพมากถึง 14 จาก 15 ไฟต์ ขณะที่ผลงานใน ONE เก็บชัยชนะเหนือนักชกญี่ปุ่นไป 2 ไฟต์รวด และพร้อมสานต่อฟอร์มฮอตด้วยการดับซ่า “เสือคิม” ให้ได้ในไฟต์นี้
แม้จะได้เปรียบเรื่องสภาพร่างกายที่สมบูรณ์กว่า แต่หลังจากที่ “เสือคิม” ศึกษาสไตล์การชกของ “เจก” มาแล้วก็ยอมรับว่าไฟต์นี้ถือเป็นด่านหินที่เขาจำเป็นจะต้องงัดทุกประสบการณ์ที่มีออกมาใช้ หากหวังได้ชื่อเป็นคนแรกใน ONE ที่สามารถเอาชนะ “เจก” ได้
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้มีโอกาสชกกับ เจก พีค็อก ในมุมมองของผม เขาคือนักสู้ตัวจริง และผมเองก็จะสู้กับเขาเต็มร้อย จากที่ผมศึกษามา เขาเป็นนักมวยที่เก่ง ผ่านอุปสรรคอะไรมาก และผมก็ชื่นชมเขามากด้วยครับ”
“ไฟต์นี้ไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะ เจก เป็นมวยที่มีทักษะครบเครื่อง จุดแข็งของเขาอยู่ที่การออกแข้ง การถีบ และลูกเตะกลับหลัง และยังเป็นมวยซ้ายซึ่งเป็นสไตล์ที่ผมไม่ค่อยอยากเจอ ทำให้ไฟต์นี้กลายเป็นบททดสอบสำคัญของผม”
“แต่ผมมีจุดแข็งที่จะทำให้เอาชนะ เจก ได้ นั่นคือชั้นเชิงมวยไทยและประสบการณ์บนสังเวียนที่เหนือกว่าครับ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยข้อได้เปรียบด้านสภาพร่างกาย รวมถึงการผ่านประสบการณ์ชกมวยไทยมามากกว่า ทำให้ “เสือคิม” ถูกคาดหวังอย่างสูงว่าจะต้องเก็บชัยชนะได้แน่นอน แม้เจ้าตัวจะรู้สึกถึงความกดดัน แต่ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะสู้เต็มที่ตามสไตล์ “เสือร้ายเมืองจันท์” เพื่อคว้าชัยชนะมาฝากแฟนมวยทั่วประเทศให้ได้
“ไฟต์นี้ ถ้าผมแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ยอมรับว่าคงหนักใจครับ แต่ผมจะยอมรับมันในฐานะนักสู้ เพราะผมทำเต็มที่เสมอ ส่วนผลแพ้ชนะก็เป็นเรื่องของเกมกีฬาอยู่แล้วครับ”
“การกลับไปชกที่ญี่ปุ่นในรอบ 6 ปีครั้งนี้ ผมจะยังคงยึดสไตล์การชกบู๊ดุดันแบบเดิม ผมจะทำให้เขารู้ว่าผมมาสู้เต็มที่ไม่มีคำว่าถอย ตั้งใจจะเก็บชัยชนะ 6 ไฟต์ติดให้ได้ครับ”
