"ยอดเหล็กเพชร" เล็งคว่ำ "อานาร์"

ไฟต์ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 126 เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา “ยอดเหล็กเพชร” ดวลภาครีแมตช์กับ “ป้อมเพชร พีเค.แสนชัย” โดยรูปเกมในวันนั้นสร้างความสนุกเร้าใจให้กับแฟนมวยไม่ต่างจากการเจอกันครั้งแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อครบ 3 ยก กรรมการทั้ง 3 ท่าน เสียงแตกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ยกให้ “ป้อมเพชร” เบียดชนะคะแนนไม่เอกฉันท์ (2 ต่อ 1 เสียง)

“การเตรียมตัวสู้กับ ป้อมเพชร ในไฟต์รีแมตช์แทบไม่ต่างจากตอนเจอกันครั้งแรก ผมโฟกัสที่การปล่อยอาวุธให้แม่นยำกว่าเดิม ส่วนเหตุผลที่ทำให้พลาดน่าจะอยู่ในช่วงปลายยกสุดท้าย ซึ่งเขาทำได้ดีกว่าครับ”

แม้จะสะดุดแพ้อีกครั้งและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกเช่นเคย แต่ “ยอดเหล็กเพชร” ไม่เอามาเป็นเรื่องบั่นทอนจิตใจ ขอโฟกัสที่การพัฒนาตนเองไฟต์ต่อไฟต์เป็นพอ

“ไฟต์ก่อนแฟนมวยก็เสียงแตก บางคนบอกว่าผมชนะ บางคนบอกว่าแพ้ มองต่างมุมกันเป็นเรื่องปกติ สำหรับตัวนักมวย ผมและเขาต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ผลงานออกมาสูสีเหมือนเดิม แต่เมื่อผลตัดสินออกมาแล้ว ผมก็ต้องยอมรับ”

“ความพ่ายแพ้ที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผมมากนัก ตอนนี้ผมโฟกัสที่ไฟต์ต่อไปมากกว่า โดยเฉพาะการเพิ่มความเร็ว ซึ่งผมเชื่อว่าทำได้ดีกว่านี้แน่นอน ผมพร้อมพิสูจน์ฝีมือเต็มที่ และยังมีความกระตือรือร้นในการชกเหมือนเดิมครับ”

เพื่อยกระดับฝีมือของตนอย่างต่อเนื่อง “ยอดเหล็กเพชร” จึงตัดสินใจย้ายมาเก็บตัวซ้อมที่ค่ายซิลค์มวยไทย ในเมืองพัทยา ซึ่งมีเทรนเนอร์ชาวต่างชาติคอยติวเข้มอย่างใกล้ชิด และจากความมุ่งมั่นตั้งใจปรับตัวเข้ากับสไตล์การซ้อมแบบใหม่ ทำให้นักสู้เจ้าของฉายา “จอมทำลายล้าง” แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“ผมย้ายมาฝึกซ้อมที่ค่ายซิลค์มวยไทย เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมเห็นการพัฒนาของตัวเองอย่างชัดเจน โค้ชแดเนียล เน้นการฝึกเพิ่มความเร็วให้ผมหลบหมัดและออกอาวุธได้คล่องขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้แทบไม่มีทักษะตรงนี้เลย มีแต่ยืนรอรับหมัดคู่ชกอย่างเดียว”

“โค้ชพยายามปรับสไตล์ให้ผมเปลี่ยนจากมวยบู๊มาเป็นมวยฝีมือ ทำให้ผมมีรูปแบบการชกหลากหลายมากขึ้น เหลือแค่ต้องเพิ่มความเร็วให้มากกว่านี้ ซึ่งผมพร้อมนำสิ่งที่ฝึกซ้อมมาปรับใช้บนสังเวียนเต็มที่ครับ”

ครั้งล่าสุดที่ “ยอดเหล็กเพชร” เก็บชัยเหนือนักชกต่างชาติได้ ต้องย้อนกลับไปถึงศึก ONE ลุมพินี 25 เมื่อเดือน ก.ค. 66 เมื่อเอาชนะ “จอร์แดน ก็อดเฟรดเซน” จากออสเตรเลีย ด้วยคะแนนไม่เอกฉันท์ หลังจากนั้นเขามีโอกาสดวลฝีมือกับ “ทาเกียร์ คาลิลอฟ” จากรัสเซีย-อาเซอร์ไบจาน” และ “ชิมอน” จากญี่ปุ่น ซึ่งต้องพบกับความพ่ายแพ้ทั้งหมด โอกาสนี้เจ้าตัวจึงมีความมุ่งมั่นอยากพิสูจน์ฝีมือกับคู่ชกต่างชาติอย่าง “อานาร์ มัมมาดอฟ”

ด้าน “อานาร์” นักสู้ดีกรีแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง WAKO ระดับสมัครเล่น เปิดตัวอย่างสวยงามในศึก ONE ลุมพินี 128 เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ด้วยการรัวอาวุธชุดใหญ่เอาชนะทีเคโอยก 2 “คมอาวุธ เอฟเอ.กรุ๊ป” พร้อมประเดิมหยิบโบนัส 350,000 บาทได้ทันที โอกาสนี้เจ้าตัวจึงมุ่งมั่นขอเดินหน้าล่าแต้มชัยต่อเนื่องให้ได้

ครั้งนี้ “ยอดเหล็กเพชร” ที่กำลังจะมีอายุครบ 31 ปี ในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ ตั้งเป้าเรียกฟอร์มเก่งเอาชนะนักชกต่างชาติครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี บนเวทีนี้ ด้วยสไตล์การชกสนุกดุดันพร้อมกับความว่องไวในเวอร์ชันอัปเกรด เพื่อไม่ทำให้แฟนมวยที่เฝ้ารอชมต้องผิดหวัง

“จากที่เห็น อานาร์ ในไฟต์เปิดตัว เขาเป็นนักสู้ครบเครื่องแทบไม่มีจุดอ่อน มีหมัดน่ากลัวและรูปร่างสูงใหญ่ วันนั้นที่เขาชนะ คมอาวุธ ถือว่าพลิกล็อก แต่ คมอาวุธ มาเป็นมวยแทนอาจยังไม่เต็มร้อย และเกมจบแค่สองยก จึงยังวัดศักยภาพแท้จริงของ อานาร์ ไม่ได้”

“ผมเชื่อว่ายังคงได้เปรียบในเรื่องความหนักแรงและอาวุธหลากหลายกว่า รวมถึงได้เสริมความเร็วมาพร้อมรับมือเต็มที่ ผมต้องพยายามจับทางเขาให้ทัน ถ้าไฟต์นี้ไม่มีจังหวะน็อก แต่ผมรับประกันว่าแฟนมวยก็ยังจะได้เห็นการต่อสู้ที่สนุกดุเดือดตลอดทั้งสามยกแน่นอน ใครอึดและแข็งแรงกว่าก็ชนะไปครับ”

“การเก็บชัยเหนือ อานาร์ มีความสำคัญมาก ผมไม่อยากชนะแล้วแพ้ สลับไปมาอีกแล้ว ตอนนี้มั่นใจว่า ‘จอมทำลายล้าง’ จะกลับมาได้ ผมยังไม่หมดไฟ กระหายชัยชนะเหมือนเดิม ตั้งใจจะชนะ อานาร์ เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า และปิดฉากปีนี้ให้สวยงามครับ”