ONE มอบความสนุกให้แฟนกีฬาต่อสู้แบบไม่มีพักด้วยศึก ONE ลุมพินี 135 ที่ยกขบวนจอมบู๊มากฝีมือขึ้นดวลกันบนสังเวียนทั้งหมด 12 คู่ วันศุกร์ที่ 28 พ.ย.นี้ คู่เอกของรายการ "วรพล ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม" มวยซ้ายขาลุย วัย 23 ปี จากบุรีรัมย์ มุ่งสานต่อฟอร์มแรง ท้าชนของแข็ง "จูลิโอ โลโบ" กำปั้นสายแข็ง วัย 31 ปี จากบราซิล ที่กลับมาพิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.)
“วรพล” กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มจากการขึ้นชกพิกัด 142 ป. เมื่อตะลุยเก็บชัย 4 ไฟต์รวด ทำให้ปัจจุบันครองสถิติชนะ 6 ครั้งจาก 10 ไฟต์ที่ขึ้นชกในรายการนี้ และหยิบรางวัลดับเบิลโบนัส 700,000 บาท ไปครองได้หนึ่งครั้ง ล่าสุดเจ้าตัวโชว์ดับซ่า “ก้องกุลา จิตรเมืองนนท์” ด้วยการเอาชนะทีเคโอยกแรก ในศึก ONE ลุมพินี 127 เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา
ครั้งนี้ “วรพล” พร้อมเผชิญความท้าทายใหม่ ขยับขึ้นไปบู๊รุ่นแบนตัมเวตเต็มตัว โดยลุ้นเก็บชัยชนะต่อเนื่องไฟต์ที่ 5 เพื่อขยับเข้าใกล้โอกาสคว้าสัญญา ONE มากขึ้น
ด้าน “จูลิโอ” จอมบู๊จากแดนแซมบ้า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ร่างกายกำยำ พร้อมปะทะทุกคนที่ยืนขวางหน้า เคยโชว์ผลงานในศึกนี้ไปแล้ว 3 ครั้ง โดยเก็บชัยได้ครั้งเดียวจากการปิดเกมน็อกเอาต์ยก 3 “ก้าวหน้า สจ.โต้งปราจีน” ในศึก ONE ลุมพินี 42 ล่าสุดเสียท่าพ่ายทีเคโอยกแรกให้กับ “กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย” ในศึก ONE ลุมพินี 52 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67
โอกาสนี้ “จูลิโอ” ได้หวนคืนรายการในรอบเกือบ 2 ปี โดยต้องการพิสูจน์ฝีมือเต็มที่เพื่อกลับมาแจ้งเกิดให้ได้ ด้วยการดับความฮอตของ “วรพล” ชิงแต้มชัยสำคัญมาครอง เพื่อปูทางกลับมาโชว์ผลงานในรายการนี้อย่างต่อเนื่อง
คู่รองของรายการ “ก้องไกล ส.สมหมาย” ยอดมวยสู้ไม่ถอย วัย 27 ปี จากพิษณุโลก เดินหน้าล่าชัยสองไฟต์ติด พบกับ “เคนดู เออร์วิง” นักสู้หมัดคม วัย 25 ปี จากสหรัฐอเมริกา ที่หวังกู้ฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้ ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต
นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ค่ายพีเค.แสนชัย ย่านพระราม 3 และได้ฝึกซ้อมใกล้ชิดกับนักมวยชื่อดังหลายรายทำให้ “ก้องไกล” กลับมาดูมีความกระหายในการชกมวยอีกครั้ง ล่าสุดเจ้าตัวคืนฟอร์มเก่งปิดเกมน็อกเอาต์ยก 3 “เฟอร์รารี แฟร์เท็กซ์” ได้อย่างเด็ดขาด ในศึก ONE ลุมพินี 122 เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา เก็บแต้มชัยครั้งที่ 4 จากการขึ้นชก 10 ไฟต์ในรายการนี้
ทำให้ตอนนี้ “ก้องไกล” กำลังมั่นใจเต็มสูบ และพร้อมรักษามาตรฐานการชก เดินตามรอยเพื่อนร่วมสังกัด “อวตาร พีเค.แสนชัย” ปิดจ็อบเก็บชัยเหนือ “เคนดู” ทำสถิติเก็บชัยต่อเนื่องบนเวทีนี้ให้ได้อีกครั้ง
ขณะที่ “เคนดู” กำลังต้องการจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังเปิดตัวสวยเก็บชัยรวดใน 2 ไฟต์แรก พร้อมคว้าโบนัส 350,000 บาท ไปครองหนึ่งครั้ง ทว่าเจ้าตัวกลับสะดุดแพ้ทั้ง 2 ไฟต์หลัง เริ่มจากแพ้คะแนนเอกฉันท์ให้กับ “อวตาร” ในศึก ONE ลุมพินี 103 ล่าสุดโดน “ไทสัน แฮร์ริสัน” จากออสเตรเลีย รัวหมัดชุดใหญ่ใส่ ทำให้พ่ายทีเคโอยกแรก ในศึก ONE ลุมพินี 117 เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา
รอบนี้ “เคนดู” จึงเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ต้องเค้นฟอร์มที่ดีที่สุด ออกมาปราบ “ก้องไกล” ลงให้ได้ เพื่อหลีกหนีความพ่ายแพ้ 3 ไฟต์ติด ซึ่งอาจส่งผลไม่ดีต่ออนาคตบนเวทีนี้
คู่เอกภาคอินเตอร์ “ลำน้ำมูลเล็ก ทีเด็ด99” กำปั้นฝีมือดี วัย 27 ปี จากบุรีรัมย์ ขอโชว์ฝีมือชกคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ครั้งแรกในชีวิต ปะทะ “ฮาเวียร์ กัลเวซ” จอมบู๊ป้ายแดง วัย 22 ปี จากสเปน ที่หวังเปิดตัวแจ้งเกิดให้โลกจดจำ
ชื่อของ “ลำน้ำมูลเล็ก” คือเบอร์ต้น ๆ ของวงการมวยไทยทั้งในรูปแบบ 5 ยก และ 3 ยก การันตีด้วยการคว้ารางวัลนักมวยไทยอาชีพดีเด่นชายปี 2564 ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยฝากผลงานบนสังเวียน ONE ลุมพินีไปแล้ว 2 ไฟต์ ล่าสุดเจ้าตัวโชว์ปรับสไตล์จากมวยฝีมือมาเป็นมวยบู๊ ไล่ทุบเอาชนะ “ก้องศึก แฟร์เท็กซ์” คู่ปรับเก่าไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ในศึก ONE ลุมพินี 105 เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา
ครั้งนี้ “ลำน้ำมูลเล็ก” กลับมาพร้อมเจอความท้าทายใหม่กับการเปิดซิงบู๊กติกาคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต หวังรับน้องโหด “ฮาเวียร์” เก็บแต้มชัยที่ 2 มาไว้ในกำมือ
ทางฝั่ง “ฮาเวียร์” กำปั้นหน้าใหม่จากแดนกระทิงดุ เก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้บนสังเวียนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง โดยปัจจุบันทำผลงานในระดับอาชีพได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะถึง 10 ครั้งจาก 11 ไฟต์ที่ขึ้นแข่งขัน ฟอร์มร้อนแรงดังกล่าวส่งผลให้ “ฮาเวียร์” ได้รับโอกาสทองให้มาอวดฝีมือในศึก ONE ลุมพินี
โดยงานแรก “ฮาเวียร์” ต้องเจอศึกหนักทันที เมื่อต้องดวลกับนักสู้ฝีมือดีอย่าง “ลำน้ำมูลเล็ก” แต่หากเขาสามารถเปิดตัวด้วยการพิชิตนักชกดีกรียอดมวยรายได้สำเร็จ ก็จะทำให้แสงสปอตไลต์สาดส่องมาที่เขาทันที
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันอีกหลายคู่ที่น่าติดตามชม อาทิ การกลับมาสร้างสีสันของ “เพชรสาม” นาห์ยัน โมฮัมเหม็ด ตัวแทนฝรั่งเศส-แอลจีเรีย นัดซัดแรงกับ “นิธิกร เจพี.เพาเวอร์” ร่วมด้วยคู่มวยหญิงสุดเข้มข้นระหว่าง “ตังตัง ส.เดชะพันธ์” เจ้าของผลงานไร้พ่าย 4 ไฟต์ในศึกนี้ ชนเก๋า “น้องแอ้ม แฟร์เท็กซ์” ที่จะสลับกลับมาบู๊มวยไทยอีกครั้ง
โปรแกรมการแข่งขันทุกคู่ศึก ONE ลุมพินี 135
คู่เอก วรพล ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม vs จูลิโอ โลโบ (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
คู่รอง ก้องไกล ส.สมหมาย vs เคนดู เออร์วิง (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
อีสานเหนือ โชติบางแสน vs ปานเผด็จ เอ็นเอฟ.ลูกสวน (มวยไทย รุ่นฟลายเวต 125-135 ป.)
เพชรสาม เพชรมวยไทย vs นิธิกร เจพี.เพาเวอร์ (มวยไทย รุ่นอะตอมเวต 105-115 ป.)
สุขสวัสดิ์ พีเค.แสนชัย vs กายสิทธิ์ สิงห์มาวิน (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
ตังตัง ส.เดชะพันธ์ vs น้องแอ้ม แฟร์เท็กซ์ (มวยไทย รุ่นอะตอมเวต 105-115 ป.)
ลำน้ำมูลเล็ก ทีเด็ด99 vs ฮาเวียร์ กัลเวซ (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
ทอม คีโอ vs มาฮาน โฟตูฮี (มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต 145-155 ป.)
โอลีเวีย ดาบรอว์สกี vs หว่อง จี เชง (มวยไทย รุ่นอะตอมเวต 105-115 ป.)
พญาครุฑ เสือจันถกมวยไทย vs โคจิโร ชิบะ (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต 115-125 ป.)
ชายัน ออร์ซัค vs อิมราน ซาติเอฟ (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นฟลายเวต 125-135 ป.)
นาซาเรธ ลัลทาซูอาลา vs มาโอะ ซูซูกิ (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นสตรอว์เวต 115-125 ป.)
