อาโมริมย้ำไม่ลาออก-ระบบไม่ใช่ปัญหา

    แมนฯ ยูไนเต็ดจะพบซันเดอร์แลนด์ เสาร์นี้ หลังพ่ายเป็นนัดที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ต่อเบรนท์ฟอร์ด วันเสาร์ ทำให้อยู่อันดับ 14 และเพิ่มแรงกดดันให้กับเฮดโค้ชชาวโปรตุกีส

    แกรี่ เนวิลล์ นักวิจารณ์ของสกาย สปอร์ตส์ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า เขา "กังวลมาก" เกี่ยวกับผลงานของอาโมริม ขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กล่าวถึงช่วงเวลาของอาโมริม วัย 40 ปี ว่าเป็น "หายนะ" ที่ "ต้องจบลง"

    ก่อนเกมวันเสาร์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อาโมริมอธิบายถึงความมุ่งมั่นของตนเองในการพลิกสถานการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ด โดยระบุว่า สิ่งที่ตนเองกังวลคือ ผลการแข่งขัน ไม่ใช่การตกงาน

    "เพราะสิ่งที่แย่ที่สุดในงานนี้คือการไม่ชนะเกม นั่นเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมมีในคาซา เปีย ตอนที่แพ้ในดิวิชั่น 3"

    "แล้วมันก็กลายเป็นงาน แน่นอน มันคือความฝันที่จะได้อยู่ที่นี่ และผมอยากอยู่ที่นี่ต่อไป และผมอยากต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ แต่ปัญหาคือตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ผมทุกข์คือการแพ้เกม ไม่ใช่การเสียงาน"

    "คุณกลัวที่จะเสียงานเมื่อต้องจ่ายบิล และผมไม่มีความรู้สึกแบบนั้น ผมแค่อยากทำแบบนี้ต่อไป แต่เมื่อเราไม่ชนะ นั่นคือความทุกข์ที่ผมมี มันไม่ใช่ความกลัวที่จะเสียงาน ผมไม่สนใจหรอก"

    นอกจากนั้น กุนซือชาวโปรตุกีสยังพูดถึงระบบหลัง 3 ซึ่งดูเหมือนไม่ได้ผล

    "มันเป็นเรื่องของผลการแข่งขัน ลองนึกภาพว่า ถ้าเราชนะอาร์เซน่อลในเกมแรก แล้วจากนั้น ถ้าเราไม่พลาดจุดโทษและชนะฟูแล่ม แม้เล่นไม่ดีนัก ลองนึกภาพ หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ความเชื่อมั่นในทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสร, ระบบการเล่น และวิธีการเล่นของเรา คงต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง"

    "ดังนั้น ถ้าคุณชนะ ทุกอย่างก็โอเค ถ้าคุณแพ้ คุณก็จะสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง, เพื่อนร่วมทีม, โค้ช และทุกๆ อย่าง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติ"

    "เราไม่ได้เล่นหลัง 3 ในเกมกับเบรนท์ฟอร์ด เมื่อไม่นานมานี้ เราใช้ ลุค ชอว์, 2 เซนเตอร์แบ็กและแบ็กขวา พวกเขาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันในช่วงเริ่มต้น"

    "ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ 3 เซ็นเตอร์แบ็ก มันเป็นแบบเดียวกัน แต่ตำแหน่งต่างกันเล็กน้อย ครึ่งหลังกับเบรนท์ฟอร์ด มันเหมือนกับ 4-4-2 ปัญหาคือเราครองบอลไม่ดี เรานุ่มนิ่มเกินไป เมื่อไม่มีบอล และเราแพ้"

    "แต่ลองนึกภาพดูว่า เรายิงจุดโทษเข้า ในประตูสุดท้าย เราพยายามเอาชนะ ทุกคนหลุดตำแหน่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในระบบ 4-3-3 หรือ 3-4-3 ดังนั้น ผมคิดว่ารายละเอียดสำคัญกว่าระบบ"