ฟรานซิสโก โรดริเกซ นักชกเม็กซิกัน รอการถูกแบน แม้ผลงานชนะ กาลาล ยาฟไฟ ถูกเปลี่ยนเป็นโมฆะ เนื่องจากตรวจพบสารต้องห้าม
ความคืบหน้ากรณี ฟรานซิสโก โรดริเกซ นักชกเม็กซิโก เอาชนะ กาลาล ยาไฟ นักชกอังกฤษ อย่างขาดลอยในศึกชิงแชมป์เฉพาะกาล WBC รุ่นฟลายเวต เมื่อ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ เมืองเบอมิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งภายหลัง ผลตรวจ โรดริเกซ พบสารกระตุ้น ฮีพตามินอลผ่านโปรแกรม VADA และ WBC Clean Boxing Program
แต่แทนที่จะลงโทษแบน WBC เลือกให้ โรดริเกซ อยู่ระหว่าง ทดลองปฏิบัติตัว เป็นเวลา 12 เดือน พร้อมเปลี่ยนผลการชกเป็นโมฆะ และคืนตำแหน่งแชมป์เฉพาะกาลให้ ยาไฟ นักมวยเหรียญทองโอลิมปิก นอกจากนี้ WBC ยังสั่งให้มีการชกรีแมตช์หลัง โรดริเกซ พ้นกำหนดทดลองปฏิบัติตัว
แต่เนื่องจากศึกนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ British Boxing Board of Control ทีมโรดริเกซ จึงต้องรอผลตัดสินจากองค์กรบริหารกีฬามวยในสหราชอาณาจักรอีกครั้ง
VADA เก็บตัวอย่างจากปัสสาวะของ โรดริเกซ ในคืนวันชกหลังการแข่งขัน ระบุว่าพวกเขาดำเนินการตรวจสอบ "สถานการณ์เฉพาะด้านสุขภาพและบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพบสารต้องห้าม โดยอ้างอิงกฎระเบียบของ WBC และโปรโตคอล WBC CBP"
WBC อธิบายเพิ่มเติมว่า "หลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงและทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดเกี่ยวกับการพบสารต้องห้าม และพิจารณาการยอมรับของโรดริเกซว่าการรับสารเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ รวมถึงข้อเท็จจริงที่โรดริเกซเคยระบุในเอกสารลงทะเบียน WBC CBP ว่าใช้เครื่องดื่มให้พลังงานที่จำหน่ายทั่วไปซึ่งมีสารต้องห้าม 2 ชนิดในฉลาก WBC และโรดริเกซจึงตกลงเข้าสู่กระบวนการตัดสิน"
WBC วินิจฉัยว่าการรับสารดังกล่าว "เป็นเหตุบังเอิญ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้มาก่อน และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสมรรถนะ"
พวกเขายังกำหนดให้โรดริเกซวัย 33 ปี อยู่ภายใต้ "สถานะทดลองปฏิบัติตัว" เป็นเวลา 12 เดือนนับจากวันที่เก็บตัวอย่าง
ซึ่งเรื่องนี้ ทีมของ ยาไฟ ตำหนิตัดสินนี้ว่า ไร้สาระอย่างยิ่ง ขณะที่ กามาล ยาไฟ น้องชายของ กาลาล ยาไฟ และเป็นอดีตนักมวย โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า "แบน 12 เดือนแล้วให้รีแมตช์... เหลวไหลจนเขียนบทความไม่ได้ แล้วพวกนี้ก็เป็นแค่พวกต้มตุ๋น"
