"ปตท." เล็งย้ำแค้น "อาเลสสิโอ" ด้วยน็อกเอาต์

ปตท. กำปั้นจอมบู๊มากดีกรีแชมป์เปิดตัวตามคำเรียกร้องของแฟนมวยทั่วประเทศในศึก ONE ลุมพินี 114 เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยประเดิมขึ้นชกในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) พบกับ เอเลียส อับเดลาลี คู่ชกหน้าใหม่ชาวฝรั่งเศส ซึ่งรูปเกมตลอดทั้ง 3 ยก ดำเนินไปอย่างสุดมัน หลังทั้งสองฝ่ายต่างงัดอาวุธออกมารัวใส่กันไม่ยั้ง โดยเฉพาะ ปตท. ที่โชว์ธาตุทรหดเปิดหน้ารับหมัดนับไม่ถ้วน เพื่อแลกกับการเข้าไปเล่นงาน เอเลียส จากเกมวงใน

แม้จะไล่ถลุงเข่าใส่ เอเลียส จนออกอาการในยกสุดท้าย แต่เนื่องจากการเปิดหน้ารับอาวุธมากเกินไป ทำให้การขึ้นชกด้วยนวมเล็กเปิดนิ้วขนาด 4 ออนซ์ ครั้งแรกของ ปตท. ต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างน่าเสียดายด้วยคะแนนไม่เอกฉันท์ ซึ่งเจ้าตัวได้เผยข้อผิดพลาดของเกมในวันนั้น พร้อมรับปากว่าจะไม่มีการเดินทื่อ ๆ เข้าไปให้คู่ชกตะบันหน้าเล่นอีกในไฟต์ต่อไป

“ไฟต์เปิดตัวผมยอมรับว่าตื่นเต้นมาก ไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนั้นมาก่อน เสียงเชียร์ดังจนทำให้ผมตื่นเวที และยิ่งรู้ว่าทุกคนคาดหวัง ก็ยิ่งกดดันจนชกผิดฟอร์ม วันนั้นพอโดนหมัดแรกเข้าไป ผมก็โมโห คิดแต่จะบุกใส่อย่างเดียวจนลืมป้องกันตัว ผลสุดท้ายเลยโดนหมัดเข้าหน้าไปกว่าร้อยหมัดตามที่แฟนมวยนับกัน”

“หลังจบไฟต์ มีแฟน ๆ เข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก หลายคนบอกว่า สู้เต็มที่แล้ว แพ้ก็ไม่เป็นไร ได้ใจคนไทยทุกคนแล้ว คำพูดเหล่านี้ทำให้ผมมีกำลังใจลุกขึ้นมาสู้ต่อ หลายคนก็เป็นห่วงเรื่องการป้องกันตัว ซึ่งผมกลับไปแก้ไขปรับปรุงมาแล้ว จากที่เคยโดน 25 หมัด อาจจะเหลือสัก 23 หมัด แต่ไฟต์นี้ผมจะพยายามหลบให้ได้มากที่สุดครับ”

กลับมากู้ศรัทธามหาชนครั้งนี้ ปตท. จะลดน้ำหนักลงมาชกในพิกัด 147 ป. พบกับคู่ปรับเก่าอย่าง อาเลสสิโอ ที่เคยซัดกันมาแล้วในรอบชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์ THAI FIGHT คาดเชือก เมื่อช่วงปลายปี 2566 ซึ่งเกมการชกในวันนั้นดำเนินไปอย่างสูสี ก่อนจะเป็นทางด้าน ปตท. ที่เบียดเอาชนะคะแนนไปแบบสุดมัน พร้อมพิชิตถ้วยพระราชทานและเข็มขัดแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่

“ภาคแรกกับ อาเลสสิโอ ยกแรกผมทำได้ดีกว่า เดินต่อยเตะจนเขามีอาการให้เห็น เข้ายกสองแม้ผมจะเจ็บขา เตะไม่ได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังมองว่าตัวเองทำได้ดีกว่านิดหนึ่ง ส่วนยกสุดท้าย ผมยังเป็นฝ่ายเดินกดดัน มีลูกแข็งแรง และทำให้เขาล้มหลายครั้ง ผมมั่นใจว่าผลการชกควรออกมาผมเป็นฝ่ายชนะ อย่างมากก็แค่เสมอ แต่ไม่ควรแพ้แน่นอนครับ”

“ไฟต์นี้ผมตัดสินใจลดน้ำหนักลงมาชกที่พิกัด 147 ปอนด์ ตอนแรกก็แอบหนักใจเหมือนกันว่าจะทำได้ไหม เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้ชกพิกัดนี้มากว่า 10 ปี ถือเป็นความท้าทายใหม่ของผม แต่ผมมั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน เพราะมีทั้งนักโภชนาการและ นาบิล (อานาน) ที่เคยชกรุ่นแบนตัมเวต (135–145 ป.) คอยให้คำปรึกษา ผมได้ปรับทั้งเรื่องโภชนาการและการซ้อมให้เหมาะสมแล้ว เชื่อว่าพอถึงวันชั่งน้ำหนักจริงจะผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหาครับ”

เนื่องจาก อาเลสสิโอ คู่ปรับเก่ายังคงคาใจจากผลการแข่งขันในภาคแรก ทำให้ไฟต์นี้ ปตท. พร้อมคลายทุกข้อสงสัยของกำปั้นชาวอิตาเลียน ด้วยการอัดน็อกให้ชัดเจนเด็ดขาด นอกจากจะเป็นการปลดล็อกชัยชนะแรกบนเวที ONE ลุมพินี แล้ว ยังจะเป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าตัวเขามีศักยภาพมากพอที่ก้าวสู่ความสำเร็จบนเวทีระดับโลกแห่งนี้

“อาเลสสิโอ เป็นมวยที่ชกฉลาด มีอาวุธอันตรายคือหมัดซ้ายคมและแข้งซ้ายที่ขึ้นก้านคอได้ดี ตั้งแต่ไฟต์แรกที่เข้ามาชกใน ONE ลุมพินี เขามีการพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ พอเริ่มปรับตัวได้ก็สามารถเอาชนะ ฟาบิโอ (เรอิส) นักมวยค่ายเดียวกับผม ต่อด้วยการเอาชนะ คัมภีร์เทวดา (สิทธิกุล) และไฟต์ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าหมัดของเขาพัฒนาขึ้น ทั้งนิ่งและสุขุมกว่าเดิม ตอนนี้เขาถือเป็นคู่ชกที่อันตรายมาก ประมาทไม่ได้เลยครับ”

“ผมทำการบ้านเพื่อเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว ทาง เมห์ดี ซาทูต (หัวหน้าค่าย) ลงมือซ้อมให้เองในทุก ๆ ด้าน รวมถึงมีการซ้อมมวยสากลและระบบป้องกันตัวมากขึ้นด้วย รับประกันเตรียมตัวมาดีแน่นอน ไฟต์นี้รอดู ปตท. ในเวอร์ชันใหม่ได้เลยครับ”

“อาเลสสิโอ ยังค้างคาใจกันผลการแข่งขันในภาคแรก ผมรู้สึกไม่สบายใจที่เขาพูดว่าเขาน่าจะชนะ ผมเลยอยากให้เรามาเดินหน้าแลกใส่กันให้มันจบ ๆ จะได้หายค้างคาใจกันไปและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นไปเลยว่าใครกันแน่คือของจริง ผมตั้งใจมาก พร้อมสู้เต็มที่ อยากจะมาแจ้งเกิดให้ได้เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าผมก็มีฝีมือที่จะขึ้นไปบนเวที ONE เหมือนกัน แล้วผมจะน็อก อาเลสสิโอ เพื่อย้ำแค้นให้ได้ครับ”