"อิเลียส" เล็งน็อก "นาบิล" เปิดทางชิง "แฮ็กเกอร์ตี"

"อิเลียส เอ็นนาฮาชิ" นักชกตัวแทนเนเธอร์แลนด์-โมร็อกโก เจ้าของตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 2 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) พร้อมสานต่อสถิติไร้พ่ายไฟต์ที่ 6 ด้วยการสยบ "นาบิล อานาน" แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต สัญชาติไทย-แอลจีเรีย วัย 21 ปี ที่ข้ามสายมาชกในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ครั้งแรกใน ONE โดยจะขึ้นป้ายคู่เอกของศึกใหญ่ ONE ลุมพินี 126 วันศุกร์ที่ 26 ก.ย. นี้
“อิเลียส” เปิดตัวใน ONE อย่างสุดปังด้วยการคว้าเข็มขัด ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) มาครองเมื่อเดือน ส.ค. 62 ก่อนจะลุยป้องกันเข็มขัดไว้ได้อีกถึง 2 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเอาชนะ “ซุปเปอร์เล็ก ซุปเปอร์เล็กมวยไทย” สุดยอดนักชกชาวไทย ซึ่งยังไม่เคยแพ้ใครทุกกติกาในเวลานั้นไปได้อย่างสวยงามด้วยคะแนนเอกฉันท์ ในศึก ONE: Fists of Fury เมื่อเดือน ก.พ. 64
หลังจากป้องกันตำแหน่งได้ 2 ครั้ง “อิเลียส” จึงตัดสินใจสละเข็มขัดและขยับขึ้นมาไล่ล่าความสำเร็จต่อในรุ่นแบนตัมเวต โดยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วยการคว้าชัยชนะ 2 ไฟต์รวด ซึ่งรวมถึงการเอาชนะคะแนนเอกฉันท์เหนืออดีตราชันคิกบ็อกซิ่งของรุ่นนี้อย่าง “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” ในศึก ONE ลุมพินี 81 เมื่อเดือน พ.ย. 67
ย้อนกลับไปในศึก ONE 171 ที่จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา “อิเลียส” มีคิวจะต้องพบกับ “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ยอดฝีมือจอมเก๋าขวัญใจชาวไทย แต่เนื่องจากเขาประสบปัญหาการทำน้ำหนักและสภาพร่างกายไม่พร้อมขึ้นชก จึงทำให้การแข่งขันต้องถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาครั้งนี้จะไม่มีความผิดพลาดแบบเดิมเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
“กลับมาครั้งนี้ ผมเน้นเรื่องการทำน้ำหนักมากเป็นพิเศษครับ เพราะไฟต์ที่แล้วผมชั่งน้ำหนักไม่ผ่าน คราวนี้ผมเลยหันมาทำงานร่วมกับนักโภชนาการ น้ำหนักของผมตอนนี้คงที่ดีแล้ว ผมรู้สึกแข็งแรง ไม่รู้สึกแย่เหมือนครั้งที่แล้ว ตอนนี้ร่างกายผมดีมาก ๆ ครับ”
ไฟต์นี้ “อิเลียส” ที่คว้าชัยมา 5 ไฟต์รวดบนเวที ONE จะต้องโคจรมาพบกับราชัน ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต อย่าง “นาบิล” ที่จะข้ามสายมาโชว์ฝีมือในฝั่งคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกใน ONE เพื่อไล่ล่าเป้าหมายต่อไปคือการขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลก ONE 2 กติกา
แม้ “นาบิล” จะกวาดชัยชนะเหนือคู่ชกมือพระกาฬมาถึง 7 ไฟต์ติดต่อกันในกติกามวยไทย แต่ “อิเลียส” ที่ไฟต์นี้เก็บตัวซ้อมอยู่ที่ค่ายซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์ กลับไม่แสดงความหวั่นใจให้เห็นแม้แต่น้อย เนื่องจากมองว่าศาสตร์การสู้ที่ใช้ในกีฬาคิกบ็อกซิ่งนั้นไม่สามารถเรียนรู้อย่างลึกซึ้งได้ในระยะเวลาอันสั้น
“การที่นักมวยไทยจะเปลี่ยนมาชกคิกบ็อกซิ่งภายในไม่กี่เดือนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก นาบิล มีนิสัยชอบกอดคอและใช้ศอกกับคู่ชกตัวเล็ก แต่ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ถ้ากอดกรรมการจะเข้ามาแยกทันที ผมสังเกตว่าเวลานาบิลถูกกดดัน เขามักใช้การกอดคอ ดังนั้น ถ้าผมบุกกดดันและไม่ปล่อยให้เขากอดคอได้ จะทำให้เกมของเขาลำบากขึ้นแน่นอน แต่เขาคงต้องเตรียมตัวเรื่องนี้มาแล้ว และเราจะได้เห็นว่าเขาจะทำยังไงบนเวที”
“นาบิล เป็นคู่ชกที่สูงที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอบนสังเวียน แต่ผมเคยซ้อมกับคู่สูงกว่านี้มาก่อน สิ่งที่ผมมั่นใจคือความเร็วและความฉลาดในการอ่านเกม คิกบ็อกซิ่งเป็นทางของผม ถ้า นาบิล กดดัน ผมจะขยับหนี ถ้าเขาถอย ผมจะบุกกดดัน ถ้าเขาเตะ ผมจะชก ถ้าเขาชก ผมจะเตะ แผนของผมปรับเปลี่ยนได้ในพริบตา และแน่นอนว่าผมตั้งใจน็อกเพื่อหวังโบนัสด้วยครับ”
นอกจากนี้ “อิเลียส” ยังมองการณ์ไกลไปถึงเป้าหมายต่อไปหากเอาชนะ “นาบิล” ได้สำเร็จ คือการท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต จาก “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ยอดนักชกแดนผู้ดี และยังรวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ “ซุปเปอร์เล็ก” คู่ปรับเก่าที่ครองตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 5 ของแรงกิงคิกบ็อกซิ่งรุ่นนี้ได้รีแมตช์แก้มืออีกด้วย
“ถ้าหากชนะ นาบิล ได้ ไฟต์ต่อไปผมหวังว่าทางรายการจะให้โอกาสผมได้ขึ้นชิงเข็มขัดจาก แฮ็กเกอร์ตี มันถึงเวลาสำหรับแชมป์คนใหม่แล้ว และผมยังอยากรีแมตช์กับ ซุปเปอร์เล็ก ด้วย แต่ต้องไม่ใช่ในรุ่นฟลายเวต เพราะผมอายุ 29 ปีแล้ว การทำน้ำหนักชกรุ่นนั้นมันยากมาก”
“ผมยินดีต้อนรับนักชกรุ่นแบนตัมเวตทุกคนที่อยากเจอกับผมในกติกาคิกบ็อกซิ่ง หลังจากผมชนะ นาบิล และได้ชิงเข็มขัดกับ แฮ็กเกอร์ตี แล้ว ไม่ว่าจะ ซุปเปอร์เล็ก หรือ รถถัง (จิตรเมืองนนท์) ก็มาได้เลยครับ”