"วรพล" พร้อมสยบ "ก้องกุลา" สานต่อฟอร์มแรง

ตลอดปี 2568 “วรพล” ต้องฝ่าฟันมรสุมชีวิตทั้งในและนอกสังเวียน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียน้องสาวผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในชีวิตของเขา รวมถึงการต่อสู้เพื่อกอบกู้ความมั่นใจหลังจากพ่ายแพ้ 3 ไฟต์ติดต่อกัน ซึ่งกว่าจะผ่านอุปสรรคมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อย่างไรก็ตาม เขาสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้ทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมกลับมาโชว์ฟอร์มร้อนแรงด้วยการปราบนักชกต่างชาติฝีมือดีถึง 3 ไฟต์ติดต่อกัน เริ่มจากกลับมาคว้าชัยในศึก ONE ลุมพินี 99 เมื่อเดือน มี.ค. ก่อนจะเดินหน้าคว้าชัยคะแนนเอกฉันท์เหนือ “อิลยาส มูซาเอฟ” ในศึก ONE ลุมพินี 110 เมื่อเดือน พ.ค. และล่าสุดยังย้ำแค้นคู่ปรับเก่า “โซเนอร์ เซน” เป็นครั้งที่ 2 จากการเจอกันถึง 3 ภาค โดยสามารถเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ในศึก ONE ลุมพินี 118 เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

“ผมดีใจมากที่สามารถชนะ 3 ไฟต์ติดต่อกัน เหนือมวยต่างชาติเก่ง ๆ อย่าง โซเนอร์ และ อิลยาส ที่เคยปราบนักมวยไทยมาแล้วหลายคน การพ่ายแพ้ที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ผมมองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง และนำมาปรับแก้จนพัฒนาและทำผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ”

“กว่าจะผ่านมาได้ไม่ง่ายเลยครับ ช่วงต้นปีผมสูญเสียน้องสาวไป ทำให้ผมเจอกับบททดสอบทางจิตใจที่หนักมาก กว่าจะกลับมายืนตรงนี้ได้ต้องใช้เวลา ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดถึง ผมเลือกใช้ความเจ็บปวดนั้นเป็นพลังบวก ผลักดันให้สู้มากกว่าเดิม ทั้งเพื่อคนที่ยังอยู่ และเพื่อความฝันที่ผมกำลังเดินอยู่บนเส้นทางนี้ครับ”

นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีที่ “วรพล” จะได้กลับมาชกกับนักมวยไทยอีกครั้ง โดยต้องดวลกับมวยฝีมือดาวรุ่ง “ก้องกุลา” จากค่ายดัง “จิตรเมืองนนท์” ที่ครองสถิติไร้พ่าย 2 ไฟต์บนสังเวียน ONE ลุมพินี และเพิ่งโชว์ฟอร์มเหนือชั้นเอาชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือ “สุขสวัสดิ์ พีเค.แสนชัย” ในศึก ONE ลุมพินี 118

ด้าน “วรพล” เชื่อมั่นว่าประสบการณ์การชกใน ONE ลุมพินี ที่มากกว่าจะเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ เมื่อประกอบกับสไตล์บู๊ดุดัน เดินหน้ากดดันคู่ต่อสู้อย่างไม่เกรงใจใคร เจ้าตัวมั่นใจว่าไฟต์นี้จะสามารถปิดเกมได้อย่างสวยงาม

“ก้องกุลา เป็นมวยซ้ายเหมือนผม มีสไตล์การชกแบบมวยฝีมือ ไอคิวมวยดี แก้เกมเก่ง และดักออกอาวุธได้เฉียบคม จุดแข็งของเขาคือหมัดซ้าย แข้งซ้าย และลูกเตะก้านคอที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ส่วนจุดอ่อนอยู่ที่พละกำลัง หากเจออาวุธหนัก ๆ มีโอกาสยุบให้เห็นได้”

“เขายังไม่เคยแพ้ใครใน ONE และชกกับนักมวยไทยด้วยกันมาแล้ว 2 ไฟต์ แต่ผมมองว่าตัวเองเหนือกว่าในเรื่องประสบการณ์ชกนวมเล็ก รวมถึงพละกำลังและสไตล์การบู๊ดุดันไม่ถอยง่าย ๆ มวยแบบผมเขาคงยังไม่เคยเจอมาก่อน ไฟต์นี้ผมตั้งใจจะเดินไล่บี้และกดดันตั้งแต่ต้นจนจบครับ”

นอกจากนี้ เป้าหมายที่ใหญ่กว่าของเขาคือการสานต่อฟอร์มร้อนแรงสร้างสถิติเป็นชนะ 4 ไฟต์ติด เพื่อขยับเข้าใกล้โอกาสลุ้นสัญญาสู่เวทีระดับโลก และเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม

“การชนะมา 3 ไฟต์ติดต่อกัน ทำให้ผมเริ่มมองเห็นภาพตัวเองบนเวทีระดับโลก ผมอยากทำฟอร์มให้ดีต่อเนื่อง หวังว่า ONE จะเห็นถึงฝีมือและความพยายามของผม อยากสร้างผลงานให้สนุกจนแฟน ๆ จดจำได้ครับ”