"ดวงดาวน้อย" ล่าฝันแจ้งเกิดใน ONE ลุมพินี

วันอังคารที่ 07 ตุลาคม 2568
19
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

"ดวงดาวน้อย ลูกทรายกองดิน" นักสู้สาววัย 26 ปี เตรียมเปิดตัวเวอร์ชันอัปเกรดใหม่ในไฟต์รีแมตช์กับคู่ปรับเก่า "คิม ทาวน์เซนด์" จอมบู๊เก๋าจากออสเตรเลีย ที่โคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 9 ปี โดยจะดวลกันในกติกามวยไทย 107 ป. ขึ้นป้ายคู่เอกภาคอินเตอร์ของศึก ONE ลุมพินี 128 ในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค.นี้

“ดวงดาวน้อย” หรือชื่อจริง “กัญญารัตน์ ยูฮันเงาะ” ชื่อเล่น “นัจมี” ซึ่งในภาษาอาหรับแปลว่า “ดวงดาว” เกิดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 41 เป็นลูกคนที่ 10 จากทั้งหมด 16 คน ของครอบครัวเจ้าของค่ายมวยลูกทรายกองดิน โดยเริ่มชกมวยครั้งแรกตอนอายุ 7 ขวบ ตามรอยบรรดาพี่ ๆ และได้ค่าตัวเพียง 200 บาท ก่อนจะพัฒนาฝีมือขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จคว้าเข็มขัดมาครองมากมาย ซึ่งรวมถึงแชมป์ WPMF สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก รุ่น 48 กก. และแชมป์ WMO องค์กรมวยไทยโลก รุ่น 48 กก.

จนกระทั่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 “ดวงดาวน้อย” ที่เดิมทีมีรูปร่างเล็กและหาคู่ชกยาก ยิ่งประสบปัญหาขาดรายการขึ้นชก ทำให้เธอต้องพักจากสังเวียนไปนานกว่า 2 ปี โดยผันตัวไปเป็นครูมวยและเดินสายสัมมนาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะได้โอกาสกลับมาชกมวยอีกครั้ง โดยหลังจากเป็นที่รู้จักบนเวทีมวยราชดำเนินได้ไม่นาน เธอพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ด้วยการตามรอยน้องชาย “แสงอาทิตย์ ลูกทรายกองดิน” รวมถึงน้องเขย “รถถัง จิตรเมืองนนท์” เข้ามาพิสูจน์ฝีมือในศึก ONE ลุมพินี

“หนูติดตามการแข่งขันของ ONE มานาน และเคยมีโอกาสชกในศึก Road To ONE Thailand ซีซันแรก ตอนนั้นทางเวทีมวยลุมพินีเพิ่งเปิดโอกาสให้นักมวยหญิงได้ขึ้นชก หนูรู้สึกดีใจที่มีพื้นที่ให้แสดงฝีมือให้ทุกคนเห็น และยิ่งได้เป็นคู่เอกภาคอินเตอร์ตั้งแต่ในไฟต์เปิดตัวด้วย หนูจะโชว์ความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ค่ะ”

“หนูตัดสินใจไม่ยากที่จะมาชกในรายการของ ONE เพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ดี อย่างน้อยจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีดีพอขึ้นชกในศึกนี้ แม้มีบางคนอาจมองว่าการชกนวมเล็กใน ONE ดูค่อนข้างรุนแรงและอันตราย แต่สำหรับหนู นี่คือเวทีที่เปิดโอกาสให้มวยหญิงได้แสดงให้เห็นว่ามีความแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ชายค่ะ”

การเตรียมตัวครั้งนี้ “ดวงดาวน้อย” ได้รับการติวเข้มอย่างดีจากทั้งอดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) อย่าง “รถถัง” รวมถึง “แสงอาทิตย์” ที่ผ่านประสบการณ์ในเวทีนี้มาก่อน โดยเจ้าตัวพยายามซึมซับวิชาทุกอย่างเต็มที่ เพื่อนำมาปรับใช้ในการชกให้เข้ากับรูปแบบของรายการมากที่สุด

“ไฟต์นี้ รถถัง เข้ามาช่วยดูแลเต็มที่เลยค่ะ เขาแนะนำให้ปรับสไตล์เป็นมวยเดินดุดันมากขึ้น จากเดิมที่เป็นมวยเน้นตั้งรับ ตอนนี้ต้องปรับสไตล์ให้กล้าออกอาวุธมากขึ้น และเดินเข้าทำมากกว่าเดิม เหมือนกลับมาเรียนรู้มวยอีกแนวหนึ่งค่ะ นอกจากนี้ ยังสอนทั้งเรื่องการควบคุมร่างกายและการออกอาวุธ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก แต่หลายคนมักจะมองข้ามไป รถถัง ย้ำเสมอว่าถ้าพื้นฐานเราไม่แน่น ก็ยากที่จะต่อยอดไปได้ไกลกว่านี้”

“ส่วนน้องชาย แสงอาทิตย์ ก็เป็นกำลังใจให้ตลอด เขามักจะบอกว่าไม่ต้องเครียด ให้ชกสบาย ๆ เขาเชื่อมั่นในตัวหนู เพราะเราอยู่ซ้อมด้วยกัน เห็นกันทุกวัน แค่ขึ้นเวทีไปแล้วสู้ให้เต็มที่ก็พอค่ะ”

ในไฟต์เปิดตัว “ดวงดาวน้อย” ต้องดวลฝีมือกับ “คิม ทาวน์เซนต์” คู่ปรับเก่า ที่เธอเคยแพ้มาด้วยคะแนนไม่เอกฉันท์ จากการบุกไปชกในศึก “เวิลด์ ไฟต์ ออสเตรเลีย” ที่กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงปลายปี 2559 โดยเธอยอมรับว่าตอนนั้นเธออายุเพียง 18 ปี ประสบการณ์ยังไม่มากพอ แต่กลับมาเจอกันรอบนี้ต่างฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น รับประกันสู้กันดุเดือดกว่าภาคแรกแน่นอน

“ในไฟต์แรกที่เจอกับ คิม หนูขึ้นชกมวยไทย 3 ยก ยกละ 3 นาที ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยสำหรับหนู ตอนนั้นในไทยยังไม่ค่อยมีการแข่งขันในกติกานี้สำหรับมวยหญิง จริง ๆ ในไฟต์นั้น อาวุธของเขาทำอะไรหนูไม่ได้มาก แต่ที่แพ้ไปเป็นเพราะหมดแรงก่อนค่ะ”

“หนูมองว่า คิม เป็นนักมวยที่แข็งแรง จุดอ่อนแทบไม่มี แต่เขาไม่มีอาวุธเด็ดที่น่ากลัวเป็นพิเศษ มีแค่เตะขาต่อยหมัดเป็นชุดเท่านั้นเอง ซึ่งหนูต้องคอยหาจังหวะและวางแผนแก้เกมให้ดีค่ะ”

“หนูไม่ได้รู้สึกกดดันกับสถิติของเขาที่ไม่แพ้ใครมานานกว่า 7 ปี ช่วงที่ผ่านมาเขาก็ต้องพัฒนาฝีมือขึ้นมา เช่นเดียวกับหนูที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การชกมาต่อเนื่อง คนเราไม่ได้เหมือนเดิมตลอดไป หนูไม่ได้เป็นเหมือนเด็กอายุ 18 แบบในวันนั้นอีกแล้ว เจอกันรอบนี้เกมการชกจะดุเดือดมากขึ้น เพราะตอนนี้หนูเติบโตและแข็งแกร่งกว่าเดิม ”

“หนูมั่นใจว่ามีอาวุธครบเครื่อง แต่จะพยายามเพิ่มความเด็ดขาดเข้าไปและหาช่องปิดเกมน็อกทางคู่ชกให้ได้ ไฟต์นี้ถ้ามีโอกาสหนูพร้อมเผด็จศึกเขาทันที ตั้งใจจะถอนแค้นให้สำเร็จค่ะ”

ไฟต์นี้คือบทพิสูจน์สำคัญของ “ดวงดาวน้อย” ว่าได้พัฒนาฝีมือและรับมือแรงกดดันได้ดีแค่ไหน โดยเธอตั้งเป้าให้แฟนมวยได้เห็นความเปลี่ยนแปลง พร้อมหวังเก็บชัยชนะในการเปิดตัวบนเวที ONE ลุมพินี เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ครอบครัวและแฟนมวยทุกคน

“เป้าหมายแรกของหนูในไฟต์นี้คืออยากมีการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากให้คนมองว่าดวงดาวน้อยจะสู้ในรูปแบบเดิม ๆ หนูก็ยอมรับว่าบางส่วนเป็นสิ่งที่แฟนมวยพูดกันจริง ๆ ตรงไหนที่ผิดพลาด หนูจะปรับแก้ไข เพื่อให้ทุกคนได้เห็น ดวงดาวน้อย เวอร์ชันอัปเกรดค่ะ””

“หนูเติบโตมาจากค่ายมวยเล็ก ๆ และครอบครัวธรรมดา รู้สึกดีใจมากที่ได้โอกาสขึ้นชกในรายการของ ONE หากครั้งแรกสามารถเก็บชัยชนะกลับไปได้ หนูก็จะดีใจมาก ครั้งนี้ขอทำให้เต็มที่ตามที่ฝึกซ้อมมาค่ะ”


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด